เครื่องมือป้องกันนอนกัดฟัน บอกลาฟันสึก แก้ปวดขากรรไกร

เครื่องมือป้องกันนอนกัดฟัน ที่ครอบฟันนอนกัด เฝือกสบฟัน หรือ ไนท์การ์ด (Night Guard) คือ อุปกรณ์ทางทันตกรรมที่ใช้ในการรักษาหรือป้องกันปัญหาฟันและขากรรไกร โดยเฉพาะในกรณีที่มีการสบฟันไม่ปกติหรือมีการขบฟันที่ไม่เหมาะสม (เช่น ฟันเก หรือฟันสบกันไม่ตรง) เพื่อให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดแรงกัด ซึ่งส่งผลเสียต่อตัวฟันและอวัยวะรอบรากฟัน

ประเภทของเฝือกสบฟัน

  1. เฝือกสบฟันแบบปรับตำแหน่งฟัน หรือ การจัดฟันแบบใส (Orthodontic Splints, Clear aliner, Invisalign)

    • ใช้ในการปรับฟันและขากรรไกรให้สบกันอย่างเหมาะสม

    • ใช้สำหรับการรักษาผู้ที่มีปัญหาการสบฟันไม่ตรงหรือฟันยื่น

    • มักใช้ในระยะเวลานานเพื่อการปรับตำแหน่งฟัน

  2. เฝือกสบฟันสำหรับการรักษา TMJ (Temporomandibular Joint Disorders)

    • ใช้ในการรักษาผู้ที่มีปัญหากับข้อต่อขากรรไกร (TMJ) เช่น การปวดขากรรไกรจากการขบฟัน

    • เฝือกชนิดนี้จะช่วยให้ขากรรไกรอยู่ในตำแหน่งที่ช่วยลดความเครียดและปวดเมื่อยจากการขบฟัน

  3. เฝือกสบฟันสำหรับผู้ที่มีอาการกร่อนฟัน (Bruxism)

    • ใช้สำหรับผู้ที่มีอาการกร่อนฟันจากการกัดหรือขบฟันในขณะนอนหลับ

    • ช่วยป้องกันฟันไม่ให้เกิดการสึกหรอหรือลดแรงกดทับที่ฟันและขากรรไกร

ปรึกษาฟรี! แอดเลย

ประโยชน์ของเฝือกสบฟัน

ช่วยปรับตำแหน่งฟัน: ช่วยให้ฟันสบกันในตำแหน่งที่เหมาะสมและป้องกันการเกิดปัญหาฟันเกหรือฟันยื่น

  • บรรเทาอาการปวดขากรรไกร: ช่วยลดความตึงเครียดที่ขากรรไกรจากการขบหรือกัดฟัน

ป้องกันฟันกร่อน: ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันสึกหรอจากการขบฟันในตอนกลางคืน

สภาวะ นอนกัดฟันคืออะไร? ทำไมต้องใส่เครื่องมือป้องกัน

สภาวะนอนกัดฟัน (Bruxism) หมายถึง การขบหรือกัดฟันโดยไม่รู้ตัวในขณะหลับ ซึ่งมักเกิดขึ้นในระหว่างการนอนหลับลึกหรือในช่วงที่มีความเครียด โดยที่ผู้ที่มีอาการนี้มักจะไม่รู้ตัวว่ากำลังกัดฟันขณะนอนหลับ

สภาวะ นอนกัดฟัน เป็นอย่างอะไร?

ลักษณะของสภาวะนอนกัดฟัน:

  1. การขบฟัน: การขบฟันอาจเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อขากรรไกร ทำให้ฟันบนและฟันล่างสัมผัสกันอย่างแรงในขณะนอนหลับ

  2. การกัดฟัน: การบดฟันไปมาในขณะนอนหลับอาจเกิดจากความเครียดหรือความวิตกกังวลในชีวิตประจำวัน

อาการที่บ่งบอกว่ามีสภาวะนอนกัดฟัน:

  • อาการปวดขากรรไกร: ปวดที่ขากรรไกรหรือมักรู้สึกตึงที่ขากรรไกรตอนตื่น

  • ปวดศีรษะ: อาการปวดศีรษะหรือไมเกรนสามารถเกิดจากการกัดฟันที่ไม่รู้ตัว

  • ฟันสึกหรอ: ฟันอาจเริ่มสึกหรอหรือลดความสูงลงจากการขบหรือกัดฟัน

  • เสียงฟันบด: บางคนอาจมีเสียงฟันบดกันในระหว่างการนอนหลับ ซึ่งอาจทำให้คู่หูหรือผู้ที่นอนข้างเคียงได้ยิน

ปัญหากับข้อต่อขากรรไกร (TMJ): การขบฟันติดต่อกันอาจทำให้เกิดปัญหากับข้อต่อขากรรไกร เช่น อาการคลิกหรือเจ็บที่ข้อต่อขากรรไกร

สาเหตุของการนอนกัดฟัน

สาเหตุของการนอนกัดฟัน:

  1. ความเครียดและความวิตกกังวล: ปัญหาจิตใจสามารถกระตุ้นให้เกิดการขบหรือกัดฟันได้

  2. การสบฟันไม่สมดุล: หากฟันสบกันไม่ดีหรือฟันเกอาจทำให้เกิดการขบฟันในขณะนอน

  3. การใช้สารกระตุ้น: การดื่มกาแฟหรือการใช้สารกระตุ้นอื่นๆ อาจทำให้มีอาการนอนกัดฟันเพิ่มขึ้น

ภาวะการนอนหลับ: เช่น ภาวะการหายใจติดขัดในขณะหลับ (sleep apnea) ที่อาจกระตุ้นให้เกิดการขบฟัน

ผลกระทบจากการนอนกัดฟัน

การนอนกัดฟัน (Bruxism) สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพฟันและร่างกายได้หลายด้าน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการบดเคี้ยว ฟันสึก ปวดกล้ามเนื้อใบหน้าและอาการที่ไม่สบายในระยะยาว หากไม่ได้รับการรักษาหรือจัดการอย่างถูกต้อง ผลกระทบที่พบบ่อยมีดังนี้:

1. ฟันสึกหรอ (Attrition)

  • การขบหรือบดฟันติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ฟันสึกหรอหรือสูญเสียความสูง ซึ่งอาจทำให้ฟันเกิดการบิ่นหรือแตกได้ นอกจากนี้ยังทำให้เคลือบฟันหายไปและฟันเปลี่ยนรูปร่าง รูป ฟันสึก

2. การเสียหายของฟัน( Cracked tooth )

  • ฟันที่ถูกบดหรือขบอย่างรุนแรงอาจเกิดการแตกหักหรือมีรอยแตกร้าว ซึ่งอาจทำให้ต้องทำการรักษาฟัน เช่น การอุดฟันหรือการทำครอบฟัน

3. อาการปวดขากรรไกร (TMJ Disorder)

  • การขบฟันหรือบดฟันในระหว่างการนอนหลับอาจส่งผลกระทบต่อข้อต่อขากรรไกร (TMJ – Temporomandibular Joint) ทำให้เกิดอาการปวดที่ขากรรไกร, ความตึงเครียด, และการคลิกในข้อต่อขากรรไกร

4. อาการปวดศีรษะ

  • ผู้ที่มีอาการนอนกัดฟันบางรายอาจประสบกับ ไมเกรน หรืออาการปวดศีรษะจากการเกร็งของกล้ามเนื้อขากรรไกรหรือคอ ซึ่งอาจรบกวนการทำกิจกรรมประจำวัน

5. ความเครียดในกล้ามเนื้อ

  • การขบฟันในระหว่างการนอนหลับทำให้กล้ามเนื้อขากรรไกรตึงเครียด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า, ปวดคอ, หรือปวดหัว

6. ความเสียหายต่อการจัดฟัน

  • หากคุณมีการจัดฟันหรือใส่อุปกรณ์จัดฟัน การนอนกัดฟันอาจทำให้การรักษาฟันไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหาย

7. ปัญหาการนอนหลับ

  • ผู้ที่มีอาการนอนกัดฟันอาจมีการขัดขวางการนอนหลับที่มีคุณภาพ เนื่องจากความเจ็บปวดหรือการเคลื่อนไหวของขากรรไกร ซึ่งสามารถนำไปสู่การนอนหลับไม่สนิทและการเหนื่อยล้าในตอนเช้า

8. ผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์

  • ความเครียดจากอาการนอนกัดฟันอาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวลหรือหงุดหงิด ส่งผลต่อสุขภาพจิตโดยรวม

ปวดขากรรไกร เกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการปวดขากรรไกร หรือปวดบริเวณหน้าหู เรียกว่าอาการ TMJ Disorder หรือ ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร (Temporomandibular Joint Disorder) เป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อข้อต่อขากรรไกร (TMJ) ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างขากรรไกรล่างและกระดูกส่วนขมับของกะโหลกศีรษะ ข้อต่อขากรรไกรนี้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของขากรรไกรเพื่อการเคี้ยว, พูด, และการหาว(อ้าปาก-ปิดปาก)

สาเหตุของอาการปวดขากรรไกร

สาเหตุของ TMJ Disorder:

  1. การบาดเจ็บหรือการกระทบกระแทก: เช่น การกระแทกที่ขากรรไกร หรือการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

  2. การกัดฟันหรือขบฟัน (Bruxism): การขบหรือกัดฟันในขณะนอนหลับสามารถทำให้เกิดความตึงเครียดที่ข้อต่อขากรรไกร

  3. การสบฟันไม่สมดุล: การที่ฟันไม่สบกันอย่างถูกต้องอาจทำให้ข้อต่อขากรรไกรทำงานหนักเกินไป

  4. ความเครียด: ความเครียดสามารถทำให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อในบริเวณขากรรไกร ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้อต่อขากรรไกร

  5. ปัญหาทางพันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะพัฒนา TMJ Disorder จากปัจจัยทางพันธุกรรม

  6. ภาวะสุขภาพอื่นๆ: เช่น โรคข้ออักเสบ หรือโรคที่ส่งผลกระทบต่อข้อต่อกระดูก

ทำความเข้าใจอาการปวดขากรรไกร

อาการของ TMJ Disorder:

  • ปวดขากรรไกรหรือคอ: อาการปวดที่ขากรรไกร, คอ หรือไหล่ อาจรู้สึกตึงและเจ็บเมื่อเปิดปากหรือเคี้ยว

  • เสียงคลิกหรือป๊อก: ฟังเสียงคลิก, ป๊อก, หรือกรอบแกรบจากข้อต่อขากรรไกรเมื่อเปิดปากหรือขยับขากรรไกร

  • อาการลำบากในการเปิดปาก: บางคนอาจมีความยากลำบากในการเปิดปากเต็มที่ หรือรู้สึกติดขัดเมื่อขยับขากรรไกร

  • ปวดศีรษะ: โดยเฉพาะในบริเวณรอบๆ ขมับหรือศีรษะด้านข้าง

  • อาการหูอื้อ: บางรายอาจรู้สึกหูอื้อหรือการได้ยินผิดปกติ

  • หน้าบวม: ในบางกรณีอาจมีอาการบวมที่บริเวณขากรรไกร

การรักษา TMJ Disorder

  • การใช้ฟันยางหรือเฝือกสบฟัน: ช่วยลดความเครียดที่ขากรรไกรและช่วยป้องกันการกัดฟันที่อาจทำให้ข้อต่อขากรรไกรเสียหาย

  • การบำบัดความเครียด: การฝึกผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิหรือการฝึกหายใจจะช่วยลดความเครียดที่ทำให้เกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อขากรรไกร

  • การใช้ยา: ยาแก้ปวดหรือยาเพื่อลดการอักเสบอาจช่วยบรรเทาอาการปวด

  • การทำกายภาพบำบัด: การทำกายภาพบำบัดที่ข้อต่อขากรรไกรสามารถช่วยบรรเทาอาการและเพิ่มการเคลื่อนไหว

  • การผ่าตัด: ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นจากการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ บางครั้งอาจจำเป็นต้องพิจารณาการผ่าตัดหรือการรักษาทางการแพทย์ที่ซับซ้อนมากขึ้น

ปัญหาฟันสึก มีลักษณะอย่างไร เกิดจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุหลักของปัญหาฟันสึก

ฟันสึก (Tooth Attrition) คือ การสึกหรอของเนื้อฟันบริเวณด้านบดเคี้ยวที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้ฟันเสื่อมสภาพ หรือสูญเสียส่วนของเคลือบฟันและเนื้อฟัน ซึ่งอาจส่งผลให้ฟันบาง สั้นลงและเกิดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือปัญหาการบดเคี้ยวอาหารอื่นๆ ต่อไป

ลักษณะของฟันสึก:

  1. ฟันมีลักษณะขอบไม่เรียบ: ฟันที่สึกมักจะมีขอบที่คมขึ้น หรือดูเป็นรูหรือบิ่น

  2. ฟันมีสีเปลี่ยน: เมื่อฟันสึกอาจทำให้เนื้อฟันมีสีที่เข้มขึ้น หรือเปลี่ยนจากสีขาวของเคลือบฟันเป็นสีเหลืองของเนื้อฟัน

  3. ความไวของฟันเพิ่มขึ้น: ฟันที่สึกอาจมีความไวเมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิร้อนหรือเย็น เช่น การดื่มน้ำเย็นหรือรับประทานอาหารร้อน

  4. ฟันมีรอยสึกที่สม่ำเสมอ: ฟันที่สึกจะมีรอยสึกที่ดูเป็นเส้นตรงหรือวงกลมในตำแหน่งที่สัมผัสกันระหว่างฟันคู่ตรงข้าม

  5. บิ่นหรือแตกหัก: ฟันที่สึกมากอาจมีการแตกหักหรือบิ่นที่ปลายฟัน ซึ่งส่งผลให้ฟันไม่สมบูรณ์

สาเหตุของฟันสึก:

  1. การขบฟันหรือกัดฟัน (Bruxism):

    • การขบหรือกัดฟันโดยไม่รู้ตัว (มักเกิดในขณะนอนหลับ) เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฟันสึก โดยเฉพาะถ้าคุณมีอาการนอนกัดฟันหรือขบฟันบ่อยๆ

  2. การใช้แปรงฟันที่แข็งหรือแปรงฟันไม่ถูกวิธี:

    • การแปรงฟันที่ใช้แปรงที่มีขนแปรงแข็งหรือการแปรงฟันที่มีแรงกดมากเกินไปสามารถทำให้ฟันสึกได้ มักเกิดบริเวณคอฟัน (Tooth abrasion) การสึกลักษณะนี้จะแตกต่างกับการสึกที่มีสาเหตุมาจากการนอนกัดฟัน

  3. การกัดหรือเคี้ยววัตถุแข็ง:

    • การเคี้ยววัตถุแข็ง เช่น ปากกา, ถั่วแข็ง, หรือการใช้ฟันในการเปิดขวด หรือทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกิน

  4. การมีกรดในปาก (กรดจากอาหารหรือกรดไหลย้อน):

    • การรับประทานอาหารที่มีกรดสูง เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว หรือการมีภาวะกรดไหลย้อน (GERD) ซึ่งกรดสามารถทำลายเคลือบฟันทำให้ฟันสึกได้ (Tooth erosion) 

  5. การกัดฟันในระหว่างการออกกำลังกาย:

    • ในบางกรณีคนที่มีความเครียดหรือไม่สามารถควบคุมการขบฟันขณะออกกำลังกาย อาจทำให้เกิดการกัดฟันโดยไม่รู้ตัว

  6. การมีความเครียด:

    • ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดการขบหรือกัดฟันในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฟันสึก

  7. การใช้งานฟันในลักษณะผิดๆ:

    • การใช้งานฟันไม่เหมาะสม เช่น การใช้ฟันเปิดขวด, การกัดหรือเคี้ยวของแข็งหรือไม่เหมาะสม เช่น ยางลบหรือพลาสติก

การรักษาฟันสึก:

  • การใช้ฟันยางหรือเฝือกสบฟัน: หากฟันสึกจากการขบฟันหรือกัดฟันในตอนกลางคืน การใช้ฟันยางช่วยลดแรงกระทบที่ฟันและช่วยป้องกันฟันจากการสึก

  • การปรับปรุงเทคนิคการแปรงฟัน: ใช้แปรงฟันที่มีขนแปรงนุ่มและไม่ใช้แรงกดมากเกินไป

  • การใช้ฟันปลอมแบบครอบฟัน (Crowns): หากฟันสึกจนทำให้ฟันมีลักษณะบิ่นหรือเสียหายอย่างมาก การทำฟันปลอมอาจช่วยฟื้นฟูฟันให้ฟันกลับมาแข็งแรง

  • การรักษาโรคกรดไหลย้อน: หากมีกรดไหลย้อน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อควบคุมอาการและป้องกันความเสียหายต่อฟัน

ผลกระทบจากปัญหาฟันสึก

1. อาการปวดขากรรไกรและกล้ามเนื้อใบหน้า

  • การขบฟันหรือกัดฟันที่รุนแรงในขณะนอนหลับ (bruxism) หรือการกัดฟันที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการเกร็งในกล้ามเนื้อขากรรไกรและใบหน้า ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ, ปวดคอ, หรือปวดที่กล้ามเนื้อใบหน้า

2. ปัญหากับข้อต่อขากรรไกร (TMJ Disorder)

  • เมื่อฟันสึกหนักเกินไป การสบฟันไม่ตรงหรือการขบฟันที่รุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อข้อต่อขากรรไกร (TMJ) ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดขากรรไกร, คลิก, หรือการเคลื่อนไหวขากรรไกรที่จำกัด

  • อาจทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่อขากรรไกร และทำให้การเปิดปากหรือการเคี้ยวอาหารเป็นไปได้ยากขึ้น

3. อาการปวดศีรษะและไมเกรน

  • ฟันสึกจากการขบฟันหรือการกัดฟันอาจทำให้เกิดความตึงเครียดในกล้ามเนื้อขากรรไกรและศีรษะ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปวดศีรษะหรือไมเกรนโดยเฉพาะในตอนเช้า

  • อาการนี้มักเกิดขึ้นจากการเกร็งของกล้ามเนื้อในระหว่างการนอนหลับ

4. ความไวของฟัน (Tooth Sensitivity)

  • ฟันที่สึกหรือเคลือบฟันหายไปอาจทำให้เนื้อฟันใต้เคลือบ (dentin) ซึ่งมีความไวมากขึ้นเปิดออก ทำให้ผู้ที่มีฟันสึกมีอาการปวดเมื่อสัมผัสอาหารหรือเครื่องดื่มร้อน, เย็น, หรือหวาน

  • ความไวของฟันนี้อาจทำให้การรับประทานอาหารเป็นเรื่องยากและรำคานใจ

5. การสูญเสียฟันและฟันแตกหัก

  • ฟันที่สึกอย่างมากอาจทำให้ฟันเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหักหรือบิ่น หากไม่ได้รับการรักษา ฟันอาจสูญเสียความสามารถในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการเคี้ยวอาหาร

  • เมื่อฟันแตกหักอาจทำให้ต้องได้รับการรักษาด้วยการทำฟันปลอม (crowns) หรือการถอนฟัน

6. ปัญหาการบดเคี้ยวอาหาร

  • ฟันที่สึกและสภาพของฟันที่ไม่สมบูรณ์อาจทำให้ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารที่ดีจากอาหาร

  • ฟันที่สึกมากอาจทำให้เกิดปัญหากับการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวได้ยาก

7. ผลกระทบต่อสุขภาพช่องปาก

  • การขบฟันหรือกัดฟันในระยะยาวสามารถทำให้เกิดการสึกหรอของฟันและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือกได้ เนื่องจากการที่เคลือบฟันเสียหายและทำให้ฟันอ่อนแอลง

  • นอกจากนี้ฟันที่สึกยังสามารถทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน และอาจทำให้เกิดการสะสมของอาหารหรือแบคทีเรีย ทำให้เกิดโรคเหงือกตามมาได้

8. ผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์

  • ปัญหาฟันสึกสามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะหากฟันสึกจนเห็นได้ชัด การขาดความมั่นใจในการยิ้มหรือการพูดอาจทำให้มีอาการวิตกกังวลหรือเครียด

อาการปวดขากรรไกร และ ปัญหาฟันสึก แก้ไขได้อย่างไร

การป้องกันและรักษาผลกระทบจากฟันสึก:

  • การจัดฟัน เพื่อปรับการสบฟันให้สมดุล

  • การใช้ ฟันยางหรือเฝือกสบฟัน ช่วยลดการขบฟันในขณะนอนหลับ และป้องกันฟันจากการสึก

  • การ ปรับเทคนิคการแปรงฟัน โดยใช้แปรงฟันที่มีขนนุ่มและไม่กดแรงเกินไป

  • การรักษาภาวะกรดไหลย้อน หรือ การลดความเครียด

เครื่องมือป้องกันนอนกัดฟัน มีอะไรบ้าง?

เครื่องมือป้องกันการนอนกัดฟัน (Bruxism) มีหลายประเภทที่ช่วยลดการกัดหรือขบฟันในระหว่างการนอนหลับ ซึ่งจะช่วยป้องกันฟันจากการสึกหรอและลดอาการปวดขากรรไกร ที่ใช้บ่อยได้แก่

ฟันยาง (Mouthguard หรือ Night Guard) ชนิดนิ่ม

  • ลักษณะ: ฟันยางหรือเฝือกสบฟันที่ใส่ในช่องปากเมื่อหลับ มีลักษณะเหมือนแผ่นยางอ่อนหรือพลาสติกที่ครอบฟันทั้งปากบนหรือปากล่าง

  • การทำงาน: ช่วยลดแรงกระทบระหว่างฟันทั้งสองข้างเมื่อกัดหรือขบฟันในขณะหลับ ช่วยป้องกันฟันจากการสึกหรอและลดความเครียดในขากรรไกร

  • ประเภท:

    • ฟันยางแบบสำเร็จรูป: พร้อมใช้และมีขนาดมาตรฐาน

    • ฟันยางแบบที่ทำจากแบบพิมพ์: ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟันของผู้ใช้เพื่อสร้างฟันยางที่พอดีกับฟัน

เฝือกสบฟันชนิดแข็ง (Rigid Splints)

  • ลักษณะ: เฝือกสบฟันที่มีความแข็งกว่าและเหมาะสำหรับกรณีที่การกัดฟันรุนแรงหรือปัญหาการขบฟันที่ต้องการการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การทำงาน: ช่วยป้องกันการบดหรือกัดฟันอย่างรุนแรง และลดแรงกระทบที่ฟันและขากรรไกร

เปรียบเทียบ ที่ครอบฟันนอนกัด แบบนิ่ม และ แบบแข็ง

การเลือกใช้ที่ครอบฟันนอนกัดฟันแบบนิ่ม (Soft Night Guard) และ แบบแข็ง (Hard Night Guard) จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ความสะดวกสบาย และความรุนแรงของปัญหานอนกัดฟัน การเลือกใช้งานขึ้นกับดุลพินิจทันตแพทย์

วิธีเลือกเครื่องมือป้องกันนอนกัดฟันให้เหมาะสม

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกวัสดุเฝือกสบฟัน

  • ระดับความรุนแรงของปัญหานอนกัดฟัน:

    • หากกัดฟันแรงหรือมีปัญหา TMJ ควรเลือกวัสดุแข็งหรือผสม

    • หากกัดฟันเบาและเน้นความสบาย ควรเลือกวัสดุนิ่ม

  • งบประมาณ:

    • แบบนิ่มมีราคาประหยัด แต่มีอายุการใช้งานสั้น

    • แบบแข็งราคาสูงกว่า แต่ใช้งานได้นาน

  • ความสบาย:

    • หากไม่เคยใช้เฝือกสบฟันมาก่อน อาจเริ่มจากวัสดุนิ่มเพื่อปรับตัว

  • ระยะเวลาการใช้งาน:

    • หากต้องการใช้งานระยะยาว เลือกวัสดุแข็งหรือแบบผสม

  • การปรึกษาทันตแพทย์:

    • ควรให้ทันตแพทย์ช่วยประเมินลักษณะการนอนกัดฟัน และเลือกวัสดุที่เหมาะสมที่สุด

เลือกตามระดับความรุนแรงของอาการ

  • ที่ครอบฟันแบบนิ่ม:

    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกัดฟันเล็กน้อยถึงปานกลาง

    • ใช้สำหรับความสะดวกสบาย และผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่ยืดหยุ่นในราคาย่อมเยา

  • ที่ครอบฟันแบบแข็ง:

    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีการนอนกัดฟันรุนแรง หรือมีปัญหาข้อต่อขากรรไกร (TMJ)

    • ให้การป้องกันฟันที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานระยะยาว

เลือกตามวัสดุที่ใช้ทำ

การเลือก เฝือกสบฟัน (Night Guard) ตามวัสดุที่ใช้ทำ ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น ระดับความรุนแรงของการนอนกัดฟัน ความสบายในการสวมใส่ อายุการใช้งาน และงบประมาณ 

1. เฝือกสบฟันแบบนิ่ม (Soft Night Guard)

  • วัสดุที่ใช้: ทำจากซิลิโคนหรือพลาสติกนุ่ม (Soft Acrylic)

  • เหมาะสำหรับ:

    • ผู้ที่มีปัญหานอนกัดฟันระดับเบาถึงปานกลาง

    • ผู้ที่ต้องการความสบายขณะสวมใส่ เช่น ผู้เริ่มใช้งานเฝือกสบฟัน

    • คนที่ไม่ชอบความแข็งของวัสดุแบบอื่น

  • ข้อดี:

    • สวมใส่ง่ายและสบาย

    • น้ำหนักเบา

    • ราคาย่อมเยากว่าแบบแข็ง

  • ข้อเสีย:

    • สึกหรอได้ง่าย หากกัดฟันแรงหรือใช้งานเป็นเวลานาน

    • อาจสะสมแบคทีเรียได้ง่าย ต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

2. เฝือกสบฟันแบบแข็ง (Hard Night Guard)

  • วัสดุที่ใช้: ทำจากอะคริลิกแข็ง (Hard Acrylic) หรือเรซิน

  • เหมาะสำหรับ:

    • ผู้ที่มีการนอนกัดฟันรุนแรง

    • ผู้ที่มีปัญหาข้อต่อขากรรไกร (TMJ)

    • การใช้งานในระยะยาว

  • ข้อดี:

    • ทนทานต่อแรงกัดและการสึกหรอ

    • ช่วยป้องกันฟันเสียหายได้ดี

    • ใช้งานได้นานหลายปี หากดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

  • ข้อเสีย:

    • รู้สึกแข็งและอาจไม่สบายในช่วงแรกของการใช้งาน

    • ราคาสูงกว่าแบบนิ่ม

เลือกตามสภาพช่องปาก เพศ และอายุ

1. การเลือกเฝือกสบฟันตามสภาพช่องปาก

สภาพช่องปาก เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อชนิดของเฝือกสบฟันที่เหมาะสม:

  • ฟันสึกหรือฟันเสียหายจากการกัดฟัน:

    • เลือกเฝือกแบบแข็ง (Hard Night Guard) เพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

  • การสบฟันผิดปกติ (Malocclusion):

    • ใช้เฝือกสบฟันที่ออกแบบเฉพาะตัวหรือการจัดฟันใส (clear aligners) 

  • ปัญหาข้อต่อขากรรไกร (TMJ Disorder):

    • เลือกเฝือกแบบแข็ง หรือแบบปรับตำแหน่งขากรรไกร (Jaw Positioning Splints) เพื่อบรรเทาอาการ ตัวอย่างเช่นอุปกรณ์ EF LINE (ลิ้งค์ไปหน้า EF Line)

2.การเลือกเฝือกสบฟันตามเพศ

ความแตกต่างในโครงสร้างของฟันและพฤติกรรมของเพศชายและหญิง อาจส่งผลต่อการเลือกเฝือกสบฟัน:

  • เพศชาย:

    • มักมีแรงกัดฟันที่มากกว่า และปัญหานอนกัดฟันรุนแรงกว่า

    • เหมาะกับเฝือกแบบแข็งที่ทนทานต่อแรงกัด

    • เลือกเฝือกที่มีขนาดใหญ่และหนากว่าเพื่อรองรับโครงสร้างขากรรไกร

  • เพศหญิง:

    • มักให้ความสำคัญกับความสบายและน้ำหนักเบา

    • เลือกเฝือกแบบนิ่ม หรือแบบผสมที่ให้ความนุ่มสบายขณะใช้งาน

3. การเลือกเฝือกสบฟันตามอายุ

อายุ เป็นตัวกำหนดทั้งขนาดและวัสดุที่ใช้สำหรับเฝือกสบฟัน:

  • เด็กและวัยรุ่น:

    • ฟันยังอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต เช่น EF LINE ( ปรึกษาการใส่ EF LINE ในเด็กได้ ที่นี่)

    • เลือกเฝือกแบบปรับขนาดได้ใช้เฝือกที่ทำจากวัสดุยืดหยุ่น เช่น ซิลิโคน

  • วัยผู้ใหญ่:

    • ฟันมีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว

    • เลือกเฝือกแบบแข็งหรือแบบพิมพ์เฉพาะตัวเพื่อความทนทานและการป้องกันที่เหมาะสม

  • ผู้สูงอายุ:

    • ฟันอาจมีปัญหาสึกกร่อนหรือมีการสูญเสียฟัน

    • ใช้เฝือกที่ออกแบบเฉพาะตัว เพื่อให้เหมาะสมกับฟันปลอมหรือสภาพฟันที่เหลือ

ประโยชน์ของการใส่เครื่องมือป้องกันนอนกัดฟัน

ป้องกันฟันสึก

  • ลดแรงกระแทกระหว่างฟันบนและฟันล่าง ช่วยป้องกันฟันสึกหรอและเสียหาย

  • ช่วยลดความเสี่ยงต่อการแตกหรือร้าวของฟันที่เกิดจากการกัดฟันรุนแรง

ลดอาการปวดขากรรไกร

  • ลดแรงกดดันและความเครียดที่เกิดกับข้อต่อขากรรไกร (TMJ)

  • ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร ศีรษะ และคอ

ป้องกันปัญหาสุขภาพอื่นๆ

  • ลดเสียงกัดฟันที่อาจทำให้เกิดความรำคาญต่อคู่สมรสหรือคนในครอบครัว

  • ทำให้การหายใจขณะนอนหลับดี

  • ลดการตื่นกลางดึกจากอาการปวดฟันหรือขากรรไกร

  • ช่วยให้การนอนหลับเป็นไปอย่างราบรื่นและมีคุณภาพมากขึ้น

  • ช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันเนื่องจากการกัดฟันรุนแรงจนฟันโยก หรือ ฟันตาย

  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเหงือกจากการอักเสบ

  • ช่วยรักษาและฟื้นฟูสุขภาพฟันหลังการรักษาสำหรับผู้ที่ผ่านการรักษาทางทันตกรรม เช่น การใส่ครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม เครื่องมือป้องกันจะช่วยลดแรงกัดที่อาจทำลายงานทันตกรรม

  • ช่วยปรับสมดุลการสบฟันเครื่องมือที่ออกแบบเฉพาะตัวสามารถช่วยปรับตำแหน่งการสบฟันให้เหมาะสม เช่นอุปกรณ์จัดฟันใส INVISALIGN (ปรึกษาการจัดฟันใสได้ที่นี่ INVISALIGN คืออะไร?)

  • ลดปัญหาการสบฟันผิดตำแหน่งที่อาจนำไปสู่การกัดฟันในอนาคต สามารถแก้ไขได้ดีในเด็กที่มีการเจริญเติบโต

  • ช่วยลดอาการปวดหัวที่เกิดจากแรงกัดและความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและขากรรไกร

การดูแลรักษาเครื่องมือป้องกันนอนกัดฟัน

วิธีทำความสะอาด

1. ทำความสะอาดเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอ

  • หลังการใช้งานทุกครั้ง:

    • ล้างเครื่องมือด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ เพื่อขจัดคราบน้ำลายและแบคทีเรีย

    • ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มแปรงเบาๆ เพื่อไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน

  • ไม่ควรใช้:

    • ยาสีฟัน (เพราะมีฤทธิ์กัดกร่อนและอาจทำให้พื้นผิวเสียหาย)

    • น้ำร้อน (เพราะอาจทำให้เครื่องมือเสียรูปทรง โดยเฉพาะชนิดเทอร์โมพลาสติก)

2.แช่น้ำยาฆ่าเชื้อหรือทำความสะอาดลึก (Deep Cleaning)

  • ควรแช่เครื่องมือในน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับเฝือกสบฟันหรือฟันปลอม (เช่น น้ำยา Polident หรือ Retainer Cleaner) อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาฟอกขาว หรือสารเคมีรุนแรงที่อาจกัดกร่อนวัสดุ

วิธีดูแลและการเก็บรักษา

เก็บรักษาในที่เหมาะสม

  • เก็บเครื่องมือในกล่องที่มีรูระบายอากาศ เพื่อป้องกันความชื้นและการสะสมของเชื้อรา

  • หลีกเลี่ยงการวางในที่ร้อนหรือโดนแสงแดดโดยตรง เพราะอาจทำให้วัสดุเสียหาย

หมั่นตรวจสอบความสมบูรณ์ของเครื่องมือ

  • ตรวจสอบรอยฉีกขาด รอยแตก หรือการสึกหรอของเครื่องมือ

  • หากพบว่าเครื่องมือเสียหาย หรือไม่กระชับพอดี ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนหรือทำใหม่

รักษาความสะอาดของช่องปาก

  • แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันก่อนใส่เครื่องมือทุกครั้ง เพื่อลดการสะสมของคราบแบคทีเรียบนเครื่องมือ

  • หลีกเลี่ยงการใส่เครื่องมือเมื่อฟันหรือเหงือกมีปัญหา เช่น มีแผลในช่องปาก

หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวเครื่องมือ

  • ไม่ควรใช้ฟันกัดหรือเคี้ยวเครื่องมือ เพราะอาจทำให้เครื่องมือเสียหายหรือเปลี่ยนรูปทรง

พบแพทย์ตามนัด

  • เข้าพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเพื่อตรวจสอบสภาพของเครื่องมือ และปรับแต่งให้เหมาะสมตามความเปลี่ยนแปลงของฟัน

 หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับผู้อื่น

  • เครื่องมือป้องกันนอนกัดฟันเป็นของส่วนตัว ไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค

FAQ คำถามที่พบบ่อย

เครื่องมือป้องกันนอนกัดฟันชนิดไหนดีที่สุด

แบบพิมพ์เฉพาะบุคคลอย่างแข็ง: นิยมที่สุดในกลุ่มผู้ที่มีปัญหารุนแรงและต้องการประสิทธิภาพสูง

แบบนิ่ม:เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปและผู้ที่เริ่มต้น นิยมในผู้ที่เน้นความสบายและปัญหานอนกัดฟันเล็กน้อย

สามารถหาซื้อ เครื่องมือป้องกันนอนกัดฟัน ใช้งานเองได้หรือไม่

การแก้ไขปัญหาการนอนกัดฟัน ควรได้รับการวินิจฉัยโดยทันตแพทย์ ผ่านการซักประวัติ ตรวจช่องปาก เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และมีการติดตามอาการ  

แม้ว่าการซื้อเครื่องมือแบบสำเร็จรูปมาใช้งานเองอาจจะดูสะดวกและประหยัด แต่การใช้ เฝือกสบฟันสำเร็จรูปจากแหล่งที่ไม่มีการรับรอง  อาจทำให้เกิดปัญหา เช่น การไม่พอดีกับฟัน ความแข็งไม่พอกับแรงกัด การเพิ่มแรงกดที่ขากรรไกร หรือการสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจทำให้อาการนอนกัดฟันแย่ลง การปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำเครื่องมือเฉพาะบุคคลจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ปรึกษาฟรี! แอดเลย

โปรโมชั่น

ปรึกษาฟรี! แอดเลย

บทความ

คลินิกทันตกรรมเปปเปอร์มินต์ พร้อมดูแลสุขภาพช่องปากอย่างมืออาชีพ ด้วยทีมทันตแพทย์มากประสบการณ์
ประกันสังคมเบิกตรงไม่ต้องสำรองจ่าย เดินทางสะดวก ใกล้ BTS อุดมสุข
เรียนรู้วิธีการใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น ป้องกันฟันผุ เหงือกอักเสบ และหินปูน พร้อมเทคนิคการใช้สำหรับทุกวัย รวมถึงผู้ที่มีอุปกรณ์จัดฟัน
การเลือกฟันยางให้เหมาะสมกับกีฬาทีเล่น เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเพื่อปกป้องฟันและปากจากการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็น กีฬามวย หรือเป็นการเล่นกีฬาที่มีการปะทะเบาๆ อย่างบาสเกตบอล การใช้ฟันยางที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและเพิ่มความมั่นใจในการเล่นกีฬาได้ เพื่อให้คุณสามารถเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ
Welcome to Easy-White at Peppermint Dental Clinic! We provide premium teeth whitening services that deliver exceptional results in a soothing, relaxed atmosphere. Conveniently located near BTS Udomsuk station ( Soi Sukhumvit 103), our clinic is easily accessible for both Bangkok residents and visitors.
Scroll to Top