Easy-White ฟอกสีฟัน ให้ขาวใสสวย แก้ฟันเหลือง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
ฟันที่ขาวสดใสไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม แต่ยังช่วยให้ใบหน้าดูสว่างสดใสมากขึ้น แต่ด้วยปัจจัยในชีวิตประจำวันหลายอย่างสามารถทำให้ฟันของเราคล้ำลงได้ โดยเฉพาะการดื่มเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างกาแฟ ชา และไวน์แดง ซึ่งมีสารแทนนินที่สามารถสะสมบนผิวฟัน นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ การบริโภคอาหารที่มีสีจัด เช่น ซอสสปาเก็ตตี้ หรือแม้แต่การละเลยสุขอนามัยในช่องปากก็มีส่วนทำให้เกิดคราบและฟันเหลืองได้

ในปัจจุบัน การฟอกสีฟันมีหลายวิธีที่สะดวกและปลอดภัย ทั้งการฟอกสีฟันที่คลินิกทันตกรรมภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ และการฟอกสีฟันด้วยตัวเองที่บ้าน ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด การฟอกสีฟันเป็นขั้นตอนที่เรียบง่ายและได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น ช่วยให้รอยยิ้มของคุณกลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง
- ทำไมต้องฟอกสีฟัน?
- เทคโนโลยีที่นิยม ใช้ในการฟอกสีฟัน ในปัจจุบัน
- วิธีการฟอกสีฟันที่นิยม
- เหตุผลที่ช่วงความยาวคลื่นนี้เหมาะสมกับการฟอกสีฟัน
- ข้อควรระวังในการฟอกสีฟันที่บ้าน
- ข้อดี ข้อเสีย ของการฟอกสีฟันที่บ้าน
- ความแตกต่าง ฟอกสีฟันที่คลินิก VS ฟอกสีฟันที่บ้าน
- ขั้นตอนและการเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน
- ขั้นตอนการฟอกสีฟันในคลินิกทันตกรรม
- คำแนะนำหลังฟอกสีฟัน
- ฟอกสีฟันที่คลินิกทันตกรรมเปปเปอร์มินต์ดีอย่างไร?
- ผลลัพธ์หลัง ฟอกสีฟัน
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟอกสีฟัน
ปรึกษาฟรี! แอดเลย


ทำไมต้องฟอกสีฟัน?
การฟอกสีฟันไม่เพียงแต่ช่วยคืนความสดใสให้กับฟัน ฟันขาวสร้างภาพลักษณ์สะอาด ดูเยาว์วัย และเพิ่มความมั่นใจให้กับรอยยิ้มของเรา
- ช่วยแก้ปัญหา ฟันเหลือง จากกาแฟ ชา บุหรี่ หรือแม้แต่จากอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน คราบสีเหล่านี้ไม่สามารถขจัดออกด้วยการแปรงฟัน บ้วนปาก หรือใช้ยาสีฟันที่มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว เพียงอย่างเดียว
- สร้างรอยยิ้มพิมพ์ใจในวันสำคัญ เช่น วันแต่งงาน เพื่อให้คุณมั่นใจว่ารอยยิ้มของคุณเป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สุด ในวันสำคัญของคุณ ให้การฟอกสีฟันเป็นส่วนนึงในการเพิ่มความทรงจำที่ดี ฟันขาวสดใสในวันสำคัญ ไม่ว่าคุณต้องถ่ายรูปกับใครคุณก็มั่นใจในทุกรอยยิ้ม
- เพิ่มความเยาว์วัย ฟื้นฟูความขาวสดใส เพราะฟันเหลืองหมองคล้ำ มีคราบ ทำให้คุณดูมีอายุ สูญเสียบุคลิกภาพที่ดี การคืนความขาวสว่างให้ฟัน ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ ทำให้ดูอ่อนวัย นอกจากนี้การที่มีฟันขาวสามารถสะท้อนภาพลักษณ์การดูแลตัวเองและมีสุขอนามัยที่ดี


เทคโนโลยีที่นิยม ใช้ในการฟอกสีฟัน ในปัจจุบัน
ฟอกสีฟัน คือ กระบวนการทำให้ฟันขาวขึ้นโดยใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีส่วนประกอบของสารตั้งต้นกระบวนการออกซิเดชัน เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) และคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) ส่วนประกอบเหล่านี้สามารถทำให้คราบหรือสีที่ติดบนฟัน เช่น คราบจากการดื่มกาแฟ ชา หรือการสูบบุหรี่จางลงและฟันดูขาวขึ้น
- การซึมผ่านเข้าสู่ชั้นฟัน: เมื่อทาน้ำยาฟอกสีฟันลงบนผิวฟัน สารประกอบจะแตกตัวเกิดอนุมูลอิสระ จะซึมผ่านชั้นเคลือบฟัน (Enamel) ถึงชั้นเนื้อฟัน (Dentine) และจับตัวกับสารมีสีบริเวณชั้นเคลือบฟันที่สะสมอยู่ เช่น คราบจากอาหาร เครื่องดื่ม หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ฟันคล้ำ
- การแตกตัวของโมเลกุลสี: สารประกอบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์จะปล่อยออกซิเจนออกมา ซึ่งออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากับโมเลกุลสี (C hromogens) ที่อยู่ในฟัน ทำให้โมเลกุลเหล่านั้นแตกตัวหรือเปลี่ยนโครงสร้างจนไม่สามารถสะท้อนแสงเหมือนเดิม ผลลัพธ์คือฟันที่ดูขาวขึ้น
- ผลลัพธ์ที่สังเกตได้: เนื่องจากโมเลกุลสีถูกทำให้จางลง ฟันที่เคยดูเหลืองหรือหมองคล้ำจึงดูสว่างขึ้น ผลของการฟอกสีฟันมักจะขึ้นอยู่กับสภาพฟันเดิม ความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสีฟันที่ใช้ และระยะเวลา
น้ำยาฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบสีจากปัจจัยภายนอก เช่น ชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสีที่เกิดจากโครงสร้างภายในฟัน เช่น จากการใช้ยาบางชนิดในวัยเด็กได้
(ที่มาข้อมูลหลักฐานทางวิชาการ : Nathoo et al. (1994) ระบุว่าเมื่อใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ในกระบวนการฟอกสีฟัน อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะสามารถผ่านชั้นเคลือบฟันลงไปถึงชั้นเนื้อฟันได้ ซึ่งจะทำให้สารที่สะสมในโครงสร้างของเนื้อฟันเกิดการแตกตัวและทำให้สีของฟันขาวขึ้น , Haywood and Heymann (1989) ได้ทำการทดลองฟอกสีฟันและพบว่าโมเลกุลของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีขนาดเล็กพอที่จะซึมผ่านชั้นเคลือบฟันและเนื้อฟันได้ นอกจากนี้การฟอกสีฟันยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบสีในชั้นเนื้อฟันที่ลึกกว่าชั้นเคลือบฟัน, Joiner (2006) อธิบายว่าอนุมูลอิสระจากน้ำยาฟอกสีฟันจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่อยู่ในชั้นเนื้อฟัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้สีฟันขาวขึ้นและเปลี่ยนแปลงสีของฟันได้)
วิธีการฟอกสีฟันที่นิยม
การฟอกสีฟันที่คลินิกภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงการใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะเวลาสั้นกว่าการฟอกสีฟันที่ทำเองที่บ้าน
นอกจากนี้ การฟอกสีฟันกับทันตแพทย์ยังมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากทันตแพทย์จะตรวจสอบสุขภาพช่องปากก่อนทำการฟอกฟัน เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเหงือกและฟัน
โดยการฟอกสีฟันที่คลินิกด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ด้วยแสงคลื่นสีฟ้า หรือเลเซอร์ คือการใช้แสงคลื่นสีฟ้า ช่วยให้น้ำยาฟอกสีฟันเกิดการอ๊อกซิเดชั่นเหมือนกัน ต่างกันที่ผู้ผลิตระบบกำเนิดแสงเรียก เช่น Cool light, Blue light, Laser.
ซึ่งแสงฟ้าที่ใช้ในการฟอกสีฟันมักมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วงประมาณ 430–490 นาโนเมตร (nm) ซึ่งอยู่ในช่วงของแสงสีน้ำเงิน-ฟ้า (Blue Light) ที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันอย่างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์


เหตุผลที่ช่วงความยาวคลื่นนี้เหมาะสมกับการฟอกสีฟัน:
- ความสามารถในการเร่งปฏิกิริยา: น้ำยาฟอกสีฟัน เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ ทำงานโดยการปล่อยออกซิเจนเพื่อทำลายโมเลกุลสีที่อยู่ในฟัน ช่วงคลื่นแสงฟ้านี้มีความยาวคลื่นที่สามารถกระตุ้นโมเลกุลของน้ำยาฟอกสีฟันให้แตกตัวและปล่อยออกซิเจนได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งทำให้กระบวนการฟอกสีฟันทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ไม่ทำให้เกิดความร้อนสูง: แสงฟ้าที่ใช้ในการฟอกสีฟันเป็นแสงเย็น ไม่ทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป ลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือการทำลายเนื้อฟัน เป็นวิธีที่ปลอดภัยในการเร่งกระบวนการฟอกสีฟัน
- เพิ่มประสิทธิภาพ: แสงฟ้าความยาวคลื่นในช่วง 430-490 นาโนเมตร ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยเร่งกระบวนการฟอกสีฟันโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดฟันหรือเหงือกไวต่อความรู้สึกหลังการฟอกสีฟัน การใช้แสงฟ้าร่วมกับสารฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันขาวขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าเพียงใช้สารฟอกสีฟันอย่างเดียว โดยกระบวนการนี้สามารถทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีภายในเวลาเพียง 30-60 นาทีและคงอยู่ได้นานกว่าการใช้สารฟอกสีฟันเพียงอย่างเดียว
การฟอกสีฟันที่บ้าน ด้วยชุดฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟันที่บ้านเป็นกระบวนการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันเพื่อทำให้ฟันขาวขึ้นโดยการทำเองที่บ้านโดยไม่ต้องไปที่คลินิกทันตกรรม น้ำยาฟอกสีฟันที่บ้านจะมีความเข้มข้นต่ำกว่าน้ำยาฟอกสีฟันที่ทันตแพทย์ใช้สำหรับฟอกสีฟันที่คลินิก เพื่อความปลอดภัย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการแนะนำจากทันตแพทย์เท่านั้น
ประเภทของผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่บ้าน
- แถบฟอกสีฟัน (Whitening Strips)
- แถบฟอกสีฟันคือแผ่นบาง ๆ ที่เคลือบด้วยสารฟอกสี เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์
- ผู้ใช้จะติดแถบเหล่านี้บนฟันและปล่อยไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด (ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง) แล้วลอกออก

- เจลฟอกสีฟัน (Whitening Gel)
- เจลฟอกสีฟันมักจะใช้ร่วมกับถาดฟอกสีฟัน (Whitening Tray) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีรูปแบบเข้ากับฟัน
- ผู้ใช้จะเติมเจลฟอกสีลงในถาดแล้วสวมใส่ถาดให้กระชับกับตัวฟันทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่แนะนำ (ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง)

ข้อควรระวังในการฟอกสีฟันที่บ้าน
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
- เลือกผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีคุณภาพดี ผู้ผลิตเชื่อถือได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์
- อ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
ข้อดี ข้อเสีย ของการฟอกสีฟันที่บ้าน
ข้อดี:
- สะดวก: สามารถทำการฟอกสีฟันได้ที่บ้านตามเวลาที่สะดวก
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า: มักมีราคาถูกกว่าการฟอกสีฟันที่คลินิก
- ควบคุมเองได้: คุณสามารถควบคุมกระบวนการและความถี่ได้ตามต้องการ
ข้อเสีย:
- ผลลัพธ์ช้า: อาจใช้เวลานานกว่าการฟอกสีฟันที่คลินิกเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- อาจมีอาการระคายเคือง: อาจทำให้ฟันหรือเหงือกไวต่อความรู้สึกหรือระคายเคืองหากใช้ไม่ถูกต้อง
การฟอกสีฟันที่บ้านเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทำฟันขาวในราคาประหยัดและตามความสะดวก แต่ควรใช้ผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ความแตกต่าง ฟอกสีฟันที่คลินิก VS ฟอกสีฟันที่บ้าน
การฟอกสีฟันที่คลินิกกับทันตแพทย์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำให้ฟันขาวสดใสขึ้นอย่างรวดเร็วและปลอดภัย


1. ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นได้ชัดเจน
- การฟอกสีฟันที่คลินิกมักใช้สารฟอกสีที่มีความเข้มข้นสูง และการใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น แสงเลเซอร์หรือแสงฟ้า ทำให้ฟันขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์มักเห็นได้ทันทีหลังการรักษา (ภายใน 1-2 ชั่วโมง)
2. การควบคุมและความปลอดภัยสูง
- การฟอกสีฟันที่คลินิกทำโดยทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ซึ่งสามารถควบคุมกระบวนการและใช้สารฟอกสีอย่างปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น การระคายเคืองของเหงือกหรือฟันไว
- ทันตแพทย์จะทำการตรวจสอบสุขภาพฟันและเหงือกก่อนการฟอกสีฟัน เพื่อให้มั่นใจว่าการฟอกสีฟันจะไม่กระทบกับฟันหรือเนื้อเยื่อในช่องปาก
3. การป้องกันการเกิดคราบใหม่
- ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลฟันหลังการฟอกสี เช่น การหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบ ซึ่งช่วยให้ความขาวของฟันอยู่ได้นานขึ้น
4. การใช้เทคโนโลยีเสริม
- บางคลินิกใช้แสงเลเซอร์หรือแสง LED เพื่อเร่งการทำงานของสารฟอกสี ทำให้การฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้นและผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากขึ้น
5. ความสะดวกในการทำการฟอกสีฟัน
- การฟอกสีฟันที่คลินิกมักใช้เวลาน้อยกว่าการฟอกสีฟันที่บ้าน เนื่องจากไม่ต้องใช้เวลาหลายวันในการฟอกสีฟัน ด้วยการฟอกสีฟันที่คลินิกคุณสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในครั้งเดียว
6. การดูแลหลังการฟอกสีฟัน
- ทันตแพทย์จะติดตามผลลัพธ์และให้คำแนะนำเพิ่มเติมหลังการฟอกสีฟัน ซึ่งช่วยในการดูแลฟันและรักษาความขาวของฟันในระยะยาว
7. การปรับให้เหมาะสมกับปัญหาฟันเฉพาะบุคคล
- ทันตแพทย์สามารถปรับกระบวนการฟอกสีฟันให้เหมาะสมกับสภาพฟันและความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น การเลือกชนิดของสารฟอกสีและวิธีการที่เหมาะสม
การฟอกสีฟันที่บ้านเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกและประหยัด โดยใช้ชุดฟอกสีฟันที่มีจำหน่ายตามร้านขายยา หรือชุดฟอกสีฟันที่ทันตแพทย์จัดเตรียมให้ตามความเหมาะสมของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งวิธีนี้ให้ความยืดหยุ่นในการฟอกฟันเองที่บ้านตามเวลาที่สะดวก


1. ความสะดวกสบาย
- คุณสามารถทำการฟอกสีฟันที่บ้านได้ตามเวลาที่สะดวกของคุณเอง โดยไม่จำเป็นต้องนัดหมายกับคลินิกหรือเดินทางไปยังคลินิกทันตกรรม
- ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา เนื่องจากคุณสามารถทำได้ในช่วงเวลาว่าง เช่น ในตอนเช้าหรือก่อนนอน
2. ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า
- การฟอกสีฟันที่บ้านมักจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการฟอกสีฟันที่คลินิก เนื่องจากชุดฟอกสีฟันที่บ้านมักมีราคาถูกกว่าและไม่รวมค่าใช้จ่ายในการบริการของทันตแพทย์
3. ควบคุมการฟอกสีฟันได้เอง
- คุณสามารถควบคุมกระบวนการฟอกสีฟันตามความสะดวกและความต้องการของคุณเอง เช่น การเลือกเวลาและจำนวนครั้งในการฟอกสี
- มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนวิธีการหรือผลิตภัณฑ์ตามผลลัพธ์ที่ต้องการ
4. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
- มีผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่หลากหลายให้เลือก เช่น แถบฟอกสีฟัน เจลฟอกสีฟันที่ใช้ร่วมกับถาดฟอกสีฟัน หรือยาสีฟันที่มีสารฟอกสี ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ตามความสะดวกและงบประมาณ
5. ลดความเครียดจากการเยี่ยมคลินิก
- สำหรับผู้ที่รู้สึกไม่สะดวกหรือไม่ชอบการไปที่คลินิก การฟอกสีฟันที่บ้านช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับการเยี่ยมชมคลินิกทันตกรรม
6. เหมาะสำหรับการดูแลรักษาตามระยะเวลา
- การฟอกสีฟันที่บ้านเหมาะสำหรับการรักษาความขาวของฟันในระยะยาว โดยคุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่บ้านเป็นระยะ ๆ ตามที่ต้องการ
ข้อควรระวัง
- ความปลอดภัย: ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองและใช้ตามคำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการระคายเคืองหรือปัญหาอื่น ๆ
- ผลลัพธ์: การฟอกสีฟันที่บ้านใช้เวลานานกว่าการฟอกสีฟันที่คลินิก ต้องทำการฟอกสีฟันซ้ำๆติดกันต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ขั้นตอนและการเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน
การเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้กระบวนการฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
1. การตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก
- ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อให้ตรวจสุขภาพฟันก่อนฟอกสีฟัน เพื่อดูว่ามีฟันผุ คราบหินปูน หรือปัญหาสุขภาพในช่องปากอื่น ๆ หรือไม่
- หากพบปัญหาเช่น ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ ควรรักษาให้เรียบร้อยก่อนทำการฟอกสีฟัน
- วัสดุบูรณะฟัน ฟันพลาสติก ฟันปลอม ฟันที่ผ่านการรักษารากไม่สามารถเปลี่ยนสีด้วยการฟอกสีฟันได้
2. การขจัดคราบหินปูนและทำความสะอาดฟัน
- ควรทำความสะอาดฟันด้วยการขูดหินปูนและขจัดคราบพลัค เพื่อเตรียมผิวฟันให้สะอาด ซึ่งจะช่วยให้สารฟอกสีสามารถซึมเข้าสู่ฟันได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับอาการเสียวฟันและอาการแพ้อื่นๆ
- หากคุณมีอาการเสียวฟัน เหงือกหรือเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากไวต่อความรู้สึก ง่ายต่อการระคายเคือง และอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น มีประวัติแพ้สารเคมี แพ้แสง ผิวหนังไวต่อแสง รับประทานยาบางตัวเป็นประจำ มีโรคประจำตัว ควรแจ้งทันตแพทย์ล่วงหน้า ทันตแพทย์อาจให้คำแนะนำ ใช้เครื่องป้องกันหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความไวต่อความรู้สึกก่อนและหลังการฟอกสีฟัน เพื่อให้การฟอกสีฟันสบายราบรื่น
4. งดการสูบบุหรี่
หากเป็นไปได้ ควรหยุดสูบบุหรี่ก่อนการฟอกสีฟัน เนื่องจากสารนิโคตินในบุหรี่สามารถทำให้เกิดคราบบนฟันและอาจลดประสิทธิภาพของการฟอกสีฟันได้
5. เตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลหลังฟอกสีฟัน
- หลังการฟอกสีฟัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีจัด เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังการฟอกสี เพื่อป้องกันการเกิดคราบใหม่
- อาการเสียวฟันเกิดได้ทั้งระหว่างการฟอกสีฟันและหลังฟอกสีฟัน ทันตแพทย์อาจแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลลดการเสียวฟัน บำรุงช่องปาก เช่นทรีทเมนต์ลดการเสียวฟัน วิตามินอีบำรุงเนื้อเยื่ออ่อน
6.ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลลัพธ์
- ควรทำความเข้าใจว่าแม้ว่าการฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันขาวขึ้น แต่ระดับความขาวที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพฟัน สีฟันเริ่มต้นและชนิดของคราบฟัน
- ควรฟอกสีฟันสม่ำเสมอเพื่อคงความขาวของฟัน
- น้ำยาฟอกสีฟันไม่ทำลายเนื้อฟัน และไม่ทำให้ฟันบาง
ขั้นตอนการฟอกสีฟันในคลินิกทันตกรรม
1. การตรวจสภาพฟันและเหงือก
- ทันตแพทย์จะตรวจสภาพฟันและเหงือกเพื่อให้แน่ใจว่าฟันไม่มีฟันผุ หรือมีปัญหาสุขภาพในช่องปากอื่น ๆ ที่อาจทำให้การฟอกสีฟันไม่ปลอดภัย
- ทันตแพทย์จะทำความสะอาดฟันก่อนเริ่มการฟอกสี เพื่อขจัดคราบพลัคหรือคราบที่ติดอยู่บนฟัน ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันดีขึ้น

2. การป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก
- ทันตแพทย์จะใช้เจลหรือวัสดุป้องกันเพื่อป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากจากการสัมผัสกับสารฟอกสี เนื่องจากสารฟอกสีมีความเข้มข้นสูงและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

3. การทาสารฟอกสีฟัน
- ทันตแพทย์จะทาสารฟอกสี เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ บนผิวฟัน บริเวณฟันด้านหน้า ที่ยิ้มเห็น ไม่ลงน้ำยาฟอกสีฟันที่ด้านหลัง บริเวณฟันกราม ผิวฟันด้านในช่องปาก เนื่องจากไม่เกิดประโยชน์ด้านความสวยงาม
- สารนี้จะเริ่มกระบวนการออกซิเดชัน โดยสารออกซิเจนในสารฟอกสีจะเข้าไปทำลายโมเลกุลสีในฟันที่ทำให้ฟันเหลืองหรือหมองคล้ำ
4. การใช้แสงหรือเลเซอร์
- ทันตแพทย์ใช้แสงฟ้าเพื่อเร่งปฏิกิริยาของสารฟอกสี ซึ่งช่วยให้กระบวนการทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ระยะเวลาที่ใช้แสงอาจอยู่ที่ประมาณ 15-30 นาที

5. การล้างและตรวจสอบผลลัพธ์
- เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด ทันตแพทย์จะล้างสารฟอกสีออกจากฟันและตรวจสอบผลลัพธ์ โดยฟันจะดูขาวและสว่างขึ้นทันทีหลังจากการรักษา
- ในบางกรณี ทันตแพทย์อาจทำการฟอกสีฟันซ้ำหลายรอบหากต้องการผลลัพธ์ที่ขาวยิ่งขึ้น


6. การดูแลหลังการฟอกสีฟัน
- ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลฟันหลังการฟอกสี เช่น หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีจัด (เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง) อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง และรักษาสุขภาพฟันให้ดีเพื่อลดการเกิดคราบใหม่
- การใช้ทรีทเมนต์ที่ช่่วยลดการเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน
คำแนะนำหลังฟอกสีฟัน
หลังจากการฟอกสีฟัน การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้คงอยู่ได้นานและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรปฎิบัติดังนี้
1. หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสี
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้มในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฟอกสี เช่น กาแฟ, ชา, ไวน์แดง, เบอร์รี่, ซอสที่มีสีเข้ม
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด: เช่น น้ำผลไม้ที่มีกรด, เครื่องดื่มโซดา ซึ่งอาจทำให้ฟันไวต่อความรู้สึก

2. รักษาความสะอาดของฟัน
- แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ: แปรงฟันด้วยยาสีฟันที่อ่อนโยนวันละสองครั้ง
- ใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม: เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อฟันและเหงือก
- ใช้ไหมขัดฟัน: ทำความสะอาดระหว่างฟันเพื่อลดการสะสมของคราบพลัค
3. ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับอาการเสียวฟัน
- ใช้ยาสีฟันสำหรับลดการเสียวฟัน: ซึ่งสามารถช่วยลดอาการเสียวฟันการฟอกสีฟัน
4. ใช้ทรีทเมนต์ลดการเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน
5.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- เพราะควันและสารนิโคตินสามารถทำให้ฟันมีคราบสีได้
6. ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์
- ฟอกสีฟันซ้ำตามคำแนะนำ
7.รอให้สารฟอกสีทำงาน:ความสำคัญของการรอให้สารฟอกสีทำงาน
- การทำงานของสารฟอกสี:
- สารฟอกสีฟันมีความสามารถในการทำปฏิกิริยากับสารที่ทำให้ฟันมีสี การรอให้สารฟอกสีทำงานอย่างเต็มที่ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกช่วยให้สารฟอกสีสามารถเข้าไปทำปฏิกิริยากับฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างคราบสีใหม่:
- การบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้มในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฟอกสีฟันอาจทำให้สารฟอกสีที่ยังคงทำงานในฟันเกิดปฏิกิริยากับสีใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดคราบสีหรือทำให้ผลลัพธ์การฟอกสีลดลง
การวิจัยและงานวิชาการที่สนับสนุน งานวิจัยจาก Journal of Dentistry งานวิจัยในวารสารนี้ได้แสดงให้เห็นว่าการหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฟอกสีฟันสามารถช่วยลดการเกิดคราบสีใหม่และรักษาความขาวของฟันได้ดีขึ้น การศึกษานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามข้อควรระวังหลังการฟอกสี, งานวิจัยใน American Journal of Dentistry การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารนี้พบว่า การรักษาความขาวของฟันหลังการฟอกสีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้มในช่วงเวลาหลังการฟอกสี ฟันจะมีโอกาสรักษาความขาวได้ยาวนานหากปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้, แนวปฏิบัติจากสมาคมทันตแพทย์ หลายสมาคมทันตแพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้มในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังการฟอกสีฟันเพื่อให้สารฟอกสีสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และลดการเกิดคราบสีใหม่
ฟอกสีฟันที่คลินิกทันตกรรมเปปเปอร์มินต์ดีอย่างไร?
Easy-White เป็นบริการฟอกสีฟันของคลินิกทันตกรรมเปปเปอร์มินต์ เรามอบประสบการณ์การฟอกสีฟันที่แตกต่างจากเดิม ไม่เพียงแต่มุ่งหวังผลลัพธ์ที่ทำให้ฟันขาวเป็นที่พอใจเท่านั้น เรายังให้คุณได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ตลอดการเข้ารับบริการ ด้วยการฟอกสีฟันที่คลินิกเป็นบริการที่ใช้เวลานานมากกว่า 1 ชั่วโมง เราจึงจัดเตรียมการบริการในบรรยากาศสบายเหมือนการทำสปา เพื่อให้คุณได้ใช้เวลาฟอกสีฟันอย่างผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว
1. สถานที่
- บรรยากาศที่สะดวกสบายและผ่อนคลาย: คลินิกของเรามีการออกแบบที่สบายตาและบรรยากาศที่เหมือนทำสปา คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนตัวในระหว่างการฟอกสีฟัน


2. เจ้าหน้าที่
- การดูแลใกล้ชิดจากทีมงานมืออาชีพ: เจ้าหน้าที่ของเราได้รับการฝึกฝนอย่างดีเพื่อให้การดูแลที่ใกล้ชิดและเป็นมิตร คุณจะได้รับคำแนะนำและการดูแลอย่างใส่ใจตลอดกระบวนการฟอกสีฟัน

3. ผลิตภัณฑ์
- Opalescence ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากอเมริกา : เราใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันจากแบรนด์ Opalescence ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากอเมริกาที่ได้รับการรับรองและมีประสิทธิภาพสูงในการฟอกสีฟัน ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ทำลายเนื้อฟัน และไม่ทำให้ฟันบาง
- เทคโนโลยีล่าสุด: เรามีการใช้เทคโนโลยีทันสมัย blue light แสงฟ้าเย็น ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกสีฟันและลดระยะเวลาในการรักษา

4. ราคา
- หลากหลายแพคเกจให้เลือก: เรามีหลายแพคเกจให้คุณเลือกตามความต้องการและงบประมาณของคุณ เพื่อให้คุณได้รับบริการที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด สอบถามราคาฟอกสีฟัน
5. ความประทับใจของผู้ใช้บริการ




- ด้วยราคา การบริการ และผลลัพธ์ที่พึงพอใจ Easy-White ฟันขาวได้ถึง 3-5 เฉด เราจึงมีผู้รับบริการอย่างต่อเนื่อง คลิกรีวิว ให้คุณมั่นใจได้ว่า จะได้รับความคุ้มค่า การบริการ และผลลัพธ์ที่ดี
- ผลิตภัณฑ์ดูแลหลังฟอกสีฟัน คุณยังจะได้รับการดูแลต่อเนื่องเมื่อฟอกสีฟันเสร็จแล้ว เรามีทรีทเมนต์ลดการเสียวฟัน บำรุงเนื่อฟันคุณภาพสูง รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไว้บริการ
ผลลัพธ์หลัง ฟอกสีฟัน
ฟันขาว ถาวรนานแค่ไหน?
ความขาวของฟันหลังการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยปกติแล้ว ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือนจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้:
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาที่ฟันขาวคงอยู่:
- พฤติกรรมการกินและดื่ม:
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ ชา ไวน์แดง หรือการบริโภคอาหารที่มีสีจัด สามารถทำให้ฟันหมองคล้ำได้เร็วขึ้นหลังการฟอกสี
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ในช่วงแรกหลังการฟอกสี และถ้าจำเป็นควรใช้หลอดดูดเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสฟันโดยตรง
- การสูบบุหรี่:
- การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟันหมองคล้ำ เนื่องจากนิโคตินและน้ำมันดินในบุหรี่จะเกาะติดที่ฟันและทำให้เกิดคราบเหลือง การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยยืดอายุความขาวของฟัน
- การดูแลความสะอาดฟันหลังฟอกสี:
- การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ
- การดูแลฟันโดยทันตแพทย์:
- การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและขจัดคราบหินปูนทุก 6 เดือนจะช่วยรักษาความขาวของฟัน
- ในบางกรณี ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำการฟอกสีฟันซ้ำเมื่อฟันเริ่มหมองคล้ำ
การฟอกสีฟันซ้ำ
- หากฟันเริ่มหมองคล้ำ สามารถทำการฟอกสีฟันซ้ำได้ขึ้นกับแต่ละบุคคลเนื่องจากอาจทำให้ฟันหไวต่อความรู้สึกเสียวฟัน โดยทั่วไปสามารถฟอกซ้ำได้ด้วยตนเองที่บ้านโดยใช้ชุดฟอกสีฟันที่บ้าน และการฟอกซ้ำด้วยน้ำยาความเข้มข้นสูงที่คลินิกเมื่อต้องการให้ฟันขาวขึ้นหลายระดับจนขาวได้เฉดสูงสุดเป็นที่พอใจในเวลารวดเร็ว โดยการฟอกสีฟันที่คลินิกของคลินิกทันตกรรมเปปเปอร์มินต์ เราแนะนำที่ 3-6 เดือน เนื่องจากเราใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีจากอเมริกา จึงสามารถฟอกสีฟันที่คลินิกของเราได้บ่อยครั้ง ทั้งนี้ผลการรักษาและระยะเวลาขึ้นกับแต่ละบุคคล ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนทำการฟอกสีฟันซ้ำ
สรุปแล้ว ระยะเวลาที่ฟันจะขาวคงอยู่ขึ้นอยู่กับการดูแลฟันและพฤติกรรมหลังการฟอกสี การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์และการฟอกสีฟันซ้ำจะช่วยยืดอายุความขาวของฟันได้
ฟอกสีฟัน ปลอดภัยหรือไม่?
การฟอกสีฟันโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อดำเนินการตามคำแนะนำและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง
ข้อดีของการฟอกสีฟันที่ปลอดภัย:
- การควบคุมโดยทันตแพทย์: การฟอกสีฟันที่ทำในคลินิกทันตกรรมโดยทันตแพทย์ช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เนื่องจากทันตแพทย์สามารถควบคุมปริมาณสารฟอกสีและตรวจสอบสุขภาพฟันและเหงือกได้
- ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง: ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ได้รับการรับรองจากองค์กรสุขภาพ เช่น FDA (Food and Drug Administration) หรืออื่น ๆ จะมีการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- การระคายเคือง: บางคนอาจรู้สึกระคายเคืองหรือไวต่อความรู้สึกที่ฟันหรือเหงือก หลังการฟอกสีฟันอาจมีอาการเสียวฟันหรือเหงือกบวม
- ผลข้างเคียงจากสารฟอกสี: สารฟอกสี เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหากใช้ในปริมาณมากเกินไปหรือใช้ไม่ถูกต้อง
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการรับรองอาจมีความเสี่ยงสูงและอาจทำให้ฟันหรือเหงือกเกิดปัญหาได้
ข้อแนะนำก่อนการฟอกสีฟัน:
- ปรึกษาทันตแพทย์: ก่อนการฟอกสีฟัน ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าสุขภาพฟันและเหงือกของคุณเหมาะสมกับการฟอกสี และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
- ปฏิบัติตามคำแนะนำ: ใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการใช้สารฟอกสีเกินปริมาณที่กำหนด
- ดูแลฟันอย่างสม่ำเสมอ: แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของคราบพลัคและหินปูน
โดยสรุป การฟอกสีฟันสามารถปลอดภัยได้เมื่อดำเนินการตามคำแนะนำอย่างถูกต้องและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง หากมีข้อสงสัยหรือปัญหา ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อคำแนะนำที่เหมาะสม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟอกสีฟัน
ฟอกสีฟันเจ็บไหม? ความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการฟอกสีฟัน
- ความไวของฟัน (Tooth Sensitivity):
- บางคนอาจรู้สึกฟันไวต่อความรู้สึกหลังการฟอกสีฟัน โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนหรือเย็น อาการนี้มักจะเกิดขึ้นชั่วคราวและจะดีขึ้นหลังจากไม่กี่วัน
- การระคายเคืองของเหงือก (Gum Irritation):
- หากสารฟอกสีสัมผัสกับเหงือกมากเกินไป อาจทำให้เหงือกเกิดการระคายเคืองหรือบวมได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่มีคุณภาพดีและปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยลดความเสี่ยงนี้
- อาการไม่สบาย (Discomfort):
- ระหว่างการฟอกสีฟัน อาจรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บเล็กน้อย แต่โดยปกติแล้วอาการนี้จะหายไปหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ
ฟอกสีฟันราคา เท่าไหร่?
แพ็คเกจฟอกสีฟันเริ่มต้น 2590 บาท สามารถสอบถามรายละเอียดผ่านทางช่องทางการติดต่อ
กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาทันตแพทย์ก่อน
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- เด็กและวัยรุ่น: โดยทั่วไปแล้วการฟอกสีฟันไม่แนะนำสำหรับเด็กและวัยรุ่นเนื่องจากฟันยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
- ฟันตาย(Non Vital Tooth) ต้องฟอกสีฟันด้วยวิธีพิเศษเรียกว่า Internal Bleacing ทางคลินิกทันตกรรมเปเปอร์มินตืมีบริการ
- ฟันไวกว่าปกติ (Tooth Hypersensitivity) ฟันมีอาการเสียวฟันง่ายมากกว่าปกติ ควรหลีกเลี่ยงการฟอกสีฟัน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพปาก: ผู้ที่มีปัญหาฟันหรือเหงือกอาจต้องการการรักษาก่อนการฟอกสีฟัน หรือมีฟันผุควรได้รับการอุดฟันก่อนการฟอกสีฟัน หรือฟันสึกซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียวฟันได้ง่าย
- ฟันที่เข้มจากการรับประทานยาเตตระไซคลิน ควรแก้ไขโดย
-
- การทำเคลือบฟันด้วยเซรามิค (Ceramic Veneers): การเคลือบฟันด้วยวัสดุที่มีสีคล้ายสีฟันตามธรรมชาติสามารถช่วยแก้ปัญหาฟันที่มีสีจากเตตระไซคลินได้ โดยสามารถปกปิดสีฟันที่ไม่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การทำครอบฟัน (Crowns): การใช้ครอบฟันอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการปกปิดสีที่ไม่ต้องการ โดยครอบฟันจะครอบคลุมทั้งฟันและซ่อนสีที่ไม่พึงประสงค์
ฟอกฟันขาว แปรงฟันได้ไหม?
การแปรงฟันหลังการฟอกสีฟันสามารถทำได้ และเป็นสิ่งที่ควรทำ โfยใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์หรือยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟัน เพื่อช่วยลดอาการเสียวฟันที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฟอกสีฟัน ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มเพื่อลดการเสียดสีเหงือกและเนื้อเยื่อช่องปาก
ฟอกสีฟันแล้วจะกลับมาเหลืองอีกไหม
หลังจากการฟอกสีฟัน ฟันสามารถกลับมาเหลืองได้อีกครั้งตามเวลาผ่านไป นี่เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างปกติและสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย งานวิจัยต่างๆ ได้ศึกษาเรื่องนี้และเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความทนทานของผลลัพธ์การฟอกสีฟันและปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของฟันหลังจากการฟอกสี
ปัจจัยที่ทำให้ฟันกลับมาเหลืองหลังการฟอกสีฟัน
- การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีสี:
- อาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ, ชา, ไวน์แดง และเบอร์รี่ สามารถทำให้ฟันมีคราบสีและกลับมาเหลืองได้
- การสะสมของคราบพลัคและหินปูน:
- การสะสมของคราบพลัคและหินปูนอาจทำให้ฟันมีสีที่ไม่สม่ำเสมอและอาจทำให้การฟอกสีฟันลดประสิทธิภาพลง
- การสูบบุหรี่:
- นิโคตินจากการสูบบุหรี่สามารถทำให้ฟันมีคราบสีและเปลี่ยนสีได้
- การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างฟัน:
- การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างฟันหรือการสึกกร่อนของฟันอาจทำให้ฟันมีสีที่ไม่สม่ำเสมอ
งานวิจัยเกี่ยวกับการฟอกสีฟันและการเปลี่ยนสีของฟัน:
- การวิจัยเกี่ยวกับการคงสีของฟัน:
- การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร “Journal of Dentistry” พบว่าฟันที่ได้รับการฟอกสีจะค่อยๆ กลับสู่สีที่มืดขึ้นภายในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี แต่การรักษาด้วยการฟอกสีฟันสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้อีกครั้งหากมีการบำรุงรักษาที่ดี
- การศึกษาการบำรุงรักษา:
- การศึกษาใน “American Journal of Dentistry” พบว่าใช้การฟอกสีฟันอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยรักษาความขาวของฟันได้ดี และการหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีสามารถช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
- ผลการติดตามระยะยาว:
- การติดตามผลระยะยาวจากการศึกษาต่างๆ แสดงให้เห็นว่าฟันที่ฟอกสีสามารถกลับมาเหลืองได้หากไม่มีการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้ยาสีฟันที่ช่วยในการรักษาความขาวและการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบและฟอกสีซ้ำ
ฟอกสีฟัน ห้ามกินอะไรบ้าง?
หลังการฟอกสีฟัน การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดอาจทำให้ฟันกลับมามีสีหรือมีคราบสีได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้เพื่อรักษาความขาวของฟันให้อยู่ได้นาน
อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการฟอกสีฟัน:
- กาแฟและชา:
- กาแฟและชาเป็นเครื่องดื่มที่มีสารสีเข้มที่สามารถทำให้ฟันมีคราบสีและเปลี่ยนสีได้
- ไวน์แดง:
- ไวน์แดงมีสารแทนนินและสีที่เข้ม ซึ่งสามารถทำให้ฟันมีคราบสีได้
- เบอร์รี่และผลไม้ที่มีสีเข้ม:
- ผลไม้เช่นบลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, และสตรอว์เบอร์รี่มีสีเข้มที่อาจทำให้ฟันมีคราบสี
- ซอสที่มีสีเข้ม:
- ซอสที่ทำจากมะเขือเทศ, ซอสถั่วเหลือง, หรือซอสพริกมีสีที่เข้มและอาจทำให้ฟันมีคราบสี
- อาหารที่มีสีผสม:
- อาหารที่มีสีผสม เช่น ขนมหวาน, เครื่องดื่มที่มีสี หรืออาหารที่ใช้สีผสมอาหารมากเกินไปสามารถทำให้ฟันมีคราบสีได้
- อาหารที่มีสีเข้ม:
- อาหารที่มีสีเข้มเช่นช็อคโกแลต, กิมจิ, หรือบางชนิดของอาหารที่มีสีเข้มอาจทำให้ฟันมีคราบสี
ข้อแนะนำในการดูแลฟันหลังการฟอกสี:
- ดื่มน้ำสะอาด:
- ดื่มน้ำสะอาดเพื่อช่วยล้างคราบสีและรักษาความสะอาดของฟัน
- แปรงฟันหลังรับประทานอาหาร:
- แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่อ่อนนุ่มและยาสีฟันที่เหมาะสมหลังรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม
- ใช้ไหมขัดฟัน:
- ใช้ไหมขัดฟันเพื่อล้างคราบสีที่อาจติดอยู่ระหว่างฟัน
- พบทันตแพทย์:
- เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบและฟอกสีซ้ำตามคำแนะนำเพื่อรักษาความขาวของฟัน
ฟอกสีฟันมีผลข้างเคียงหรือไม่?
การฟอกสีฟันโดยทั่วไปเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการทำให้ฟันขาวขึ้น แต่สามารถมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น
- เสียวฟัน (Tooth Sensitivity):
- อาการเสียวฟันหรือความไวต่อความรู้สึกเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย มักจะเป็นชั่วคราวและมักจะหายไปภายใน 1-2 วันหลังจากการฟอกสีฟัน
วิธีลดอาการเสียวฟัน:
-
-
-
- ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการเสียวฟัน ร่วมกับยาสีฟันที่ออกแบบมาเพื่อลดอาการเสียวฟัน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มร้อนมาก เย็นมาก
- ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มเพื่อลดการขัดสีเนื้อฟัน
-
-
-
- การระคายเคืองของเหงือก (Gum Irritation):
- น้ำยาฟอกสีฟันอาจสัมผัสกับเหงือกและทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงหรือไม่ใช้ตามคำแนะนำ
- สีฟันไม่สม่ำเสมอ (Tooth Discoloration):
- ฟันอาจมีสีที่ไม่สม่ำเสมอหรือลักษณะที่แตกต่างกันในบางกรณี เช่น ฟันที่มีรอยด่างตกกระจะเห็นชัดขึ้น วัสดุอุดฟันหรือครอบฟันจะไม่ตอบสนองต่อน้ำยาฟอกสีฟัน
- การระคายเคืองของเหงือก (Gum Irritation):
ปรึกษาฟรี! แอดเลย
บทความ
ประกันสังคมเบิกตรงไม่ต้องสำรองจ่าย เดินทางสะดวก ใกล้ BTS อุดมสุข