ฟันห่างไม่ใช่ปัญหา! อุดปิดช่องว่างระหว่างฟัน (Diastema) ด้วยเทคนิคทันสมัย
“ฟันห่าง” หรือที่เรียกว่าช่องว่างระหว่างฟัน (Diastema) อาจเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้ม แต่โชคดีที่ด้วยเทคโนโลยีด้านทันตกรรมที่ก้าวหน้ามากขึ้นในปัจจุบัน การแก้ปัญหาฟันห่างด้วยการ “อุดปิดช่องว่างระหว่างฟัน” ได้กลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ทั้งสะดวก รวดเร็ว และช่วยปรับรอยยิ้มให้สวยเป๊ะได้อย่างมั่นใจ ด้วยเทคนิคสุดทันสมัย ที่จะเปลี่ยนฟันห่างให้กลายเป็นรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ

การ อุดฟันห่าง คืออะไร? มีกี่วิธี?
การอุดฟันห่าง คล้ายกับการอุดฟันทั่วไป คือเป็นกระบวนการที่ทันตแพทย์ใช้วัสดุอุดฟัน (มักจะเป็นวัสดุคอมโพสิตที่มีสีเหมือนฟัน) เพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างฟันที่ห่างกันเล็กน้อย 1-2 มิลลิเมตร.
- การอุดฟัน (Composite Bonding): ใช้วัสดุคอมโพสิตที่มีสีเหมือนฟันมาทำการอุดปิดช่องว่าง การอุดฟันเป็นวิธีที่รวดเร็วและขั้นตอนไม่ซับซ้อน รักษาได้ภายในวัน แต่ก็อาจจะไม่แข็งแรงทนทานเท่ากับการทำการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
- การทำวีเนียร์ (Veneers): เป็นการใช้แผ่นฟันที่ทำจากวัสดุเซรามิกหรือคอมโพสิตติดบนผิวหน้าฟัน ปิดช่องว่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้จะใช้เวลานานกว่าการอุดฟัน และมีขั้นตอนการเตรียมผิวฟัน
- การจัดฟัน (Braces or Invisalign): การจัดฟันช่วยให้ฟันเรียงตัวสบกันอย่างถูกต้องและสามารถปิดช่องว่างระหว่างฟันได้ ผลการรรักษาคงทนในระยะยาว แต่การจัดฟันมีระยะเวลาในการรักษาที่นานกว่าวิธีอื่นๆ
- การใส่รากฟันเทียม (Dental Implants): สำหรับกรณีที่ช่องว่างเกิดจากการขาดหายของฟัน การใส่ฟันปลอมติดแน่น เช่น รากฟันเทียมสามารถช่วยทดแทนและเติมเต็มช่องว่างได้


ปรึกษาฟรี! แอดเลย
ทำไมต้องอุดฟันปิดช่องว่างระหว่างฟัน?
ช่องว่างระหว่างฟัน (ฟันห่าง) อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากได้หลายประการ แม้ว่าช่องว่างระหว่างฟันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง แต่ที่จริงสามารถทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ ดังนี้
ผลกระทบของช่องว่างระหว่างฟันต่อสุขภาพช่องปาก
- การสะสมของคราบแบคทีเรีย:
-
- ช่องว่างระหว่างฟันทำให้คราบพลัคและแบคทีเรียสะสมได้ง่าย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดฟันผุและโรคเหงือก หากการทำความสะอาดฟันไม่ดีพอ
- โรคเหงือก (Gum Disease):
- การสะสมของแบคทีเรียในช่องว่างอาจทำให้เหงือกเกิดเหงือกอักเสบ หรืออาจลุกลามเป็นโรคเหงือกขั้นรุนแรง โรคปริทันต์
- เมื่อเหงือกอักเสบจะทำให้เกิดอาการบวม แดง และเลือดออกขณะแปรงฟัน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปาก ฟันโยกคลอน มีกลิ่นปาก
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากช่องว่างระหว่างฟัน
ความยากในการทำความสะอาด:
-
- ช่องว่างระหว่างฟันทำให้การแปรงฟันทำได้ยากขึ้น ต้องใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดฟันช่วย เช่น ไหมขัดฟัน แปรงซอกฟัน เป็นต้น
- คราบอาหารก่อตัวเป็นหินปูนสะสมในช่องว่างทำให้เกิดโรคฟันผุและโรคเหงือกได้
การสบฟันที่ผิดปกติ:
-
- ฟันที่มีช่องว่างอาจทำให้การสบฟันไม่สมบูรณ์ ฟันล้ม เก ทำให้เคี้ยวอาหารไม่สะดวกหรือส่งผลต่อการเรียงตัวของฟันทั้งช่องปากในระยะยาว
ช่องว่างระหว่างฟันส่งผลต่อความมั่นใจอย่างไร
ผลต่อการพูด:
ช่องว่างที่มากเกินไปในฟันหน้าอาจมีผลต่อการพูด โดยเฉพาะการออกเสียงบางคำที่อาจทำให้เสียงผิดเพี้ยนหรือไม่ชัดเจน
ผลกระทบด้านความสวยงามและความมั่นใจ:
ฟันที่มีช่องว่างโดยเฉพาะฟันหน้า อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นใจในรอยยิ้มของตัวเอง ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความมั่นใจในการเข้าสังคม เช่น มีน้ำลายออกมาจากช่อง เศษอาหารหลุดออกมาเวลาเคี้ยว หรือ พูด เป็นต้น
วิธีการอุดฟันปิดช่องว่างระหว่างฟัน
ขั้นตอนการอุดฟัน
- ประเมินช่องว่าง: ทันตแพทย์จะประเมินขนาดและลักษณะของช่องว่างระหว่างฟันที่ต้องการการอุด
- การเลือกเฉดสีวัสดุอุด วัสดุคอมโพสิต (Composite Resin) ที่ใช้ในการอุดฟันมักจะมีเฉดสีที่หลากหลาย ซึ่งทันตแพทย์จะเลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีฟันของผู้ป่วยมากที่สุด
- การเตรียมฟัน: ทันตแพทย์จะทำความสะอาดและเตรียมผิวหน้าฟันให้พร้อมสำหรับการอุด
- การอุดฟัน: วัสดุคอมโพสิตจะถูกนำมาผสมและปั้นเป็นรูปทรงที่เหมาะสม เพื่อเติมเต็มช่องว่าง
- การตกแต่งและขัด: หลังจากอุดแล้ว ทันตแพทย์จะตกแต่งและขัดให้วัสดุที่อุดดูเรียบเนียนและเข้ากับฟันอย่างธรรมชาติ
- การตรวจสอบ: ทันตแพทย์จะตรวจสอบการกัดและการสบฟัน เพื่อให้มั่นใจว่าอุดฟันได้อย่างถูกต้อง
วัสดุที่ใช้ในการอุดฟัน
วัสดุคอมโพสิต (Composite Resin):
-
- เป็นวัสดุที่มีสีเหมือนฟันธรรมชาติ จึงใช้ได้ดีในการอุดฟันที่มองเห็นได้
- ใช้งานง่ายและสามารถปรับรูปร่างได้ทันที
- ทันตแพทย์จะผสมวัสดุแล้วปั้นให้เข้ากับฟันและใช้แสง ในการทำให้วัสดุแข็งตัว
- เหมาะสำหรับการอุดฟันที่มีช่องว่างหรือฟันที่ไม่สึกหรอมาก
- ข้อดี: มีความทนทานสูงและดูเป็นธรรมชาติ
การเลือกวัสดุอุดฟันที่เหมาะสม
1. สีฟันธรรมชาติ
-
-
การเลือกสีที่ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ: วัสดุอุดฟันควรมีสีที่เหมือนกับฟันจริงของผู้ป่วย เพื่อให้การอุดฟันไม่เห็นได้ชัด โดยทันตแพทย์จะเลือกสีจากเฉดสีที่มีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งจะพิจารณาจากสีของฟันบริเวณที่อุด เช่น ฟันหน้าจะใช้สีที่ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด
-
เฉดสีธรรมชาติ: ฟันธรรมชาติมีหลายเฉด ตั้งแต่สีขาวอมเหลืองถึงสีขาวอมเทา การเลือกสีวัสดุอุดจะต้องตรงกับสีฟันของผู้ป่วย โดยมีการเลือกเฉดสีที่เหมาะสมเพื่อความกลมกลืน
-
2. สีของวัสดุคอมโพสิต (Composite Resin)
-
-
วัสดุคอมโพสิตที่ใช้ในการอุดฟันมักจะมีเฉดสีที่หลากหลาย ซึ่งทันตแพทย์จะเลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีฟันของผู้ป่วยมากที่สุด
-
วัสดุคอมโพสิตบางประเภทสามารถปรับสีได้ตามแสงและสภาพแวดล้อม เช่น วัสดุคอมโพสิตแบบ “chameleon” ที่สามารถปรับสีให้เข้ากับฟันได้โดยอัตโนมัติ
-
3. การพิจารณาตำแหน่งฟันที่อุด
-
-
ฟันหน้า: ต้องเลือกสีวัสดุอุดที่มีความใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติที่สุด เนื่องจากฟันหน้าจะมองเห็นได้มาก
-
ฟันกรามหรือฟันหลัง: แม้ว่าความสวยงามจะไม่สำคัญเท่าฟันหน้า แต่การเลือกวัสดุที่ทนทานและไม่แสดงสีที่แตกต่างจากฟันเก่ายังคงเป็นสิ่งสำคัญ
-
4. การคำนึงถึงความทนทานและความคงทนของสี
-
-
ควรเลือกวัสดุที่ทนทานและไม่เปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไป เช่น สีของวัสดุอุดฟันคอมโพสิตบางประเภทอาจจะเปลี่ยนแปลงเมื่อสัมผัสกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ, ชา หรือไวน์แดง
-
การเลือกวัสดุคอมโพสิตที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้สีของวัสดุไม่ซีดจางหรือเปลี่ยนสีไปในระยะยาว
-
ข้อดีของการอุดฟันปิดช่องว่างระหว่างฟัน
ป้องกันการสะสมของคราบแบคทีเรีย
ช่องว่างระหว่างฟันที่ไม่ได้รับการรักษาสามารถเป็นที่สะสมของคราบแบคทีเรียและเศษอาหารได้ง่าย การอุดฟันช่วยปิดช่องว่างและลดโอกาสที่แบคทีเรียจะสะสม ซึ่งสามารถป้องกันฟันผุและโรคเหงือกได้
การทำความสะอาดง่ายขึ้น
เมื่อช่องว่างระหว่างฟันถูกปิดไปแล้ว การแปรงฟันและการทำความสะอาดช่องปากจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะไม่มีช่องว่างที่ยากต่อการเข้าถึง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาฟันผุและโรคเหงือกในอนาคต
ใช้เวลารักษาน้อย
การอุดฟันเพื่อปิดช่องว่างสามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานหรือการรักษาที่ซับซ้อนเหมือนการจัดฟัน
ฟันสวยงามเป็นธรรมชาติ
การอุดฟันเพื่อปิดช่องว่างระหว่างฟันช่วยให้ฟันมีรูปร่างที่สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อใช้วัสดุคอมโพสิตหรือวัสดุเซรามิกที่มีสีเหมือนฟันจริง การอุดฟันช่วยให้รอยยิ้มดูเรียบเนียนและกลมกลืนยิ่งขึ้น
เพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม
ฟันที่เรียงตัวสวยงามและไม่มีช่องว่างจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพูดและยิ้ม ทำให้ผู้ที่มีปัญหาฟันห่างรู้สึกสบายใจและไม่กังวลในสังคม
ช่วยให้การเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น
ฟันที่เรียงตัวอย่างถูกต้องช่วยให้การเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดความผิดปกติในการสบฟัน (malocclusion) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือสึกกร่อนของฟันได้
การอุดฟันเพื่อปิดช่องว่างระหว่างฟันจึงเป็นวิธีที่มีประโยชน์ทั้งในด้านความสวยงามและการรักษาสุขภาพช่องปาก โดยให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที
อุดช่องว่างระหว่างฟัน ควรดูแลอย่างไร?
- รักษาความสะอาดช่องปาก
-
-
แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง: การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันการสะสมของคราบจุลินทรีย์ที่อาจทำให้เกิดฟันผุและโรคเหงือก ควรแปรงฟันเบาๆ รอบบริเวณที่อุดฟันและใช้แปรงฟันที่มีขนอ่อนนุ่มเพื่อไม่ให้วัสดุอุดฟันเสียหาย
-
-
-
ใช้ไหมขัดฟัน: ใช้ไหมขัดฟันอย่างระมัดระวังเพื่อล้างเศษอาหารที่ติดอยู่ระหว่างฟันและวัสดุอุดฟัน ซึ่งจะช่วยป้องกันการสะสมของคราบแบคทีเรียและป้องกันการเกิดฟันผุ
-
-
-
แปรงฟันหลังรับประทานอาหาร: การแปรงฟันหลังรับประทานอาหารช่วยให้ฟันสะอาดและป้องกันการสะสมของคราบอาหารที่อาจทำลายวัสดุอุดฟัน
-
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียว
-
-
การเคี้ยวอาหารที่แข็ง เช่น ถั่วแข็งหรือเยลลี่เหนียว อาจทำให้วัสดุอุดฟันหลุดออก หรือทำให้วัสดุอุดเสียหายได้
-
-
-
หากต้องเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียว ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ฟันที่อุด
-
-
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม
-
-
เครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ, ชา, หรือไวน์แดง อาจทำให้วัสดุอุดฟันเปลี่ยนสีหรือเกิดคราบได้
-
-
-
หากดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ ควรแปรงฟันหลังจากดื่มหรือใช้หลอดในการดื่มเพื่อลดการสัมผัสกับวัสดุอุดฟัน
-
-
การตรวจเช็คฟันอย่างสม่ำเสมอ
-
-
ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสภาพฟันอย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถตรวจสอบวัสดุอุดฟันและสุขภาพช่องปากโดยรวมได้
-
-
-
หากวัสดุอุดฟันหลุดหรือเสียหาย ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการซ่อมแซมหรืออุดใหม่
-
-
ระมัดระวังการขบฟันแรงๆ
-
-
หากมีพฤติกรรมขบฟันหรือกัดฟันในขณะนอนหลับ (Bruxism) ควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการใช้เฝือกหรือเกราะป้องกันฟันเพื่อป้องกันการสึกหรอของวัสดุอุดฟันและฟัน
-
-
ระวังการใช้ฟันในกิจกรรมต่างๆ
-
หลีกเลี่ยงการใช้ฟันในการเปิดขวดหรือใช้ฟันในการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงทำให้วัสดุอุดฟันเสียหาย
-
อุดฟันแล้วเสียวฟันทำอย่างไร?
1. ให้เวลาฟื้นฟู
-
-
รอให้ฟันปรับตัว: อาการเสียวฟันหลังจากการอุดฟันอาจเกิดขึ้นชั่วคราวเนื่องจากการปรับตัวของเนื้อฟันและวัสดุอุดฟัน โดยเฉพาะหากการอุดฟันใหม่หรือการใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากฟันเดิม การปรับตัวมักจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์
-
ตรวจสอบการอุดฟัน: บางครั้งวัสดุอุดฟันอาจสูงเกินไปหรือไม่เข้ากับรูปฟันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างฟันในขณะเคี้ยวอาหารได้ ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน ควรนัดพบทันตแพทย์เพื่อรับการแก้ไข
-
2. ใช้ยาช่วยบรรเทาอาการ
-
-
ยาสีฟันสำหรับลดการเสียวฟัน: ใช้ยาสีฟันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาฟันเสียว เช่น ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต (potassium nitrate) ซึ่งช่วยลดความไวของฟัน ปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ คลิกที่นี่
-
น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์: ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์และไม่ระคายเคืองเหงือกและฟัน ช่วยลดการอักเสบของเหงือกและบรรเทาอาการเสียวฟันได้
-
3. หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เสียวฟัน
-
-
หลีกเลี่ยงอาหารร้อนหรือเย็น: อาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดสามารถกระตุ้นอาการเสียวฟันได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นในช่วงที่ฟันเสียว
-
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดสูง: เช่น ส้ม, เลมอน หรือเครื่องดื่มที่มีกรดซิตริกสูง ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ฟันที่อุดเกิดอาการเสียวหรือเสื่อมสภาพเร็วเกินไป
-
4. ปรึกษาทันตแพทย์
-
-
การตรวจสอบจากทันตแพทย์: หากอาการเสียวฟันยังคงมีอยู่หลังจากการอุดฟัน หรืออาการรุนแรงขึ้น ควรพบทันตแพทย์เพื่อให้ตรวจสอบว่าการอุดฟันถูกต้องหรือไม่ อาจมีการปรับแต่งวัสดุอุดหรือใช้เทคนิคอื่นๆ เพื่อบรรเทาอาการเสียวฟัน
-
การใช้วัสดุพิเศษ: บางกรณี ทันตแพทย์อาจใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษในการอุดฟันเพื่อช่วยลดอาการเสียวฟันหรือแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม
-
5. การป้องกันจากการขบฟันหรือกัดฟัน
-
-
หากมีอาการเสียวฟันจากการขบฟันหรือกัดฟันในขณะนอนหลับ (Bruxism) ควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการใช้เฝือกสบฟัน หรือเครื่องมือป้องกันการนอนกัดฟัน เพื่อป้องกันการเสียดสีของฟันที่อุด
-
อุดฟัน แล้วหลุด ต้องทำอย่างไร?
-
รักษาความสะอาด
-
ทำความสะอาดบริเวณที่อุดหลุด: ใช้แปรงฟันที่ขนอ่อนแปรงเบาๆ รอบๆ บริเวณที่วัสดุอุดหลุดออก และใช้น้ำเกลือล้างปากเบาๆ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียในบริเวณที่เปิดออก
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นที่ที่หลุด: อย่าใช้นิ้วหรืออุปกรณ์อื่นๆ สัมผัสบริเวณที่วัสดุอุดหลุด เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้ฟันเสียหายหรือทำให้เกิดการติดเชื้อ
-
-
หลีกเลี่ยงการใช้ฟันที่อุดหลุด
-
หากวัสดุอุดหลุดออก ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารโดยใช้ฟันที่อุดหลุด เพราะอาจทำให้ฟันเกิดการผุหรือเสียหายเพิ่มขึ้น
-
หากเป็นฟันที่อยู่ในบริเวณที่ใช้งานมาก เช่น ฟันกราม ควรใช้ฟันอื่นในการเคี้ยวอาหารจนกว่าจะได้รับการรักษาใหม่
-
-
เก็บวัสดุอุด (ถ้ามี กรณี เป็นชิ้นงานจากแลปทันตกรรม)
-
หากวัสดุอุดฟันหลุดออกและยังคงอยู่ในปาก ควรเก็บวัสดุนั้นในถุงหรือกล่องสะอาด แล้วนำไปให้ทันตแพทย์ดูเพื่อประเมินว่าอาจสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือไม่
-
-
รีบพบทันตแพทย์
-
ควรพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจเช็คฟันที่อุดหลุดออกไป และพิจารณาว่าจำเป็นต้องอุดฟันใหม่หรือใช้วิธีการรักษาอื่นๆ
-
หากมีการทำความเสียหายที่ฟันหรือเหงือกที่เกิดจากการหลุดของวัสดุอุด ทันตแพทย์จะทำการรักษาเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
-
-
อุดฟันใหม่
-
ในกรณีที่วัสดุอุดหลุดและไม่สามารถใช้วัสดุดั้งเดิมกลับมาได้ ทันตแพทย์จะทำการอุดฟันใหม่ด้วยวัสดุอุดฟันที่เหมาะสม เช่น คอมโพสิต เรซิน หรือเซรามิก ที่เหมาะกับสภาพฟันและความต้องการของผู้ป่วย
-
-
ป้องกันการเกิดซ้ำ
-
-
หากวัสดุอุดฟันหลุดบ่อยครั้ง ควรพิจารณาปัจจัยที่อาจทำให้วัสดุอุดหลุด เช่น การกัดฟัน (bruxism) หรือการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียว ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาในระยะยาว
-
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ การอุดฟัน
การอุดฟันเจ็บไหม
การอุดฟันไม่ทำให้มีอาการเจ็บปวด หากแต่เป็นอาการเสียวฟัน มากน้อยขึ้นกับตำแหน่งของฟัน โดยปกตืการอุดปิดช่องฟันห่าง จะไม่พบอาการเหล่านี้
อุดฟันอยู่ได้นานแค่ไหน
อายุการใช้งานของวัสดุอุดฟันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของวัสดุที่ใช้ การดูแลรักษาฟันหลังการอุด และพฤติกรรมการใช้ฟัน แต่โดยทั่วไปแล้ว วัสดุอุดฟันสามารถอยู่ได้นานตามระยะเวลาต่อไปนี้
-
วัสดุอุดฟันประเภทต่างๆ
-
-
วัสดุคอมโพสิต (Composite Resin): วัสดุอุดฟันชนิดนี้มักใช้ในฟันที่มองเห็นได้ เช่น ฟันหน้าหรือฟันที่ต้องการความสวยงาม วัสดุนี้สามารถอยู่ได้นานประมาณ 5-7 ปี* ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้งาน
-
-
-
วัสดุอะมัลกัม (Amalgam): เป็นวัสดุอุดฟันที่ใช้ในฟันกรามหรือฟันที่ไม่ค่อยเห็นในตอนยิ้ม ซึ่งมีความทนทานสูง วัสดุนี้มักอยู่ได้ประมาณ 10-15 ปี*
-
-
-
วัสดุเซรามิก (Ceramic): วัสดุเซรามิก เช่น พอร์ซเลน ใช้สำหรับฟันที่ต้องการความสวยงามและทนทาน ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปีขึ้นไป*
-
-
-
วัสดุเรซินคอมโพสิตผสมกับเซรามิก (Resilon or Hybrid Composites): วัสดุที่มีคุณสมบัติคล้ายคอมโพสิตและเซรามิก สามารถอยู่ได้นานประมาณ 7-10 ปี*
-
(*อายุการใช้งานโดยประมาณ ขึ้นกับการใช้งานและการดูแลรรักษาแตกต่างกันในแต่ละบุคคล)
- ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งาน
-
-
พฤติกรรมการใช้งานฟัน: หากใช้ฟันในการเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียว เช่น ถั่วแข็ง หรือใช้ฟันในการเปิดขวด อาจทำให้วัสดุอุดฟันเสียหายเร็วกว่าปกติ
-
-
-
การดูแลรักษาฟัน: การแปรงฟันอย่างถูกวิธี ใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คฟันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของวัสดุอุดฟัน ควรพบทันตแพทย์ตรวจฟันทุก 6 เดือน
-
-
-
การขบฟันหรือกัดฟัน (Bruxism): หากมีพฤติกรรมขบฟันในขณะนอนหลับ อาจทำให้วัสดุอุดฟันเสียหายเร็วกว่าปกติ ซึ่งในกรณีนี้อาจต้องใช้เฝือกสบฟัน
-
- การตรวจเช็คและซ่อมแซม
-
-
แม้ว่าวัสดุอุดฟันจะทนทาน แต่ก็อาจมีการเสื่อมสภาพหรือหลุดออกได้เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นการพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คฟันอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ควรพบทันตแพทย์ตรวจฟันทุก 6 เดือน หากพบปัญหา เช่น การอุดฟันหลวมหรือแตก ควรทำการซ่อมแซมโดยเร็วเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
-
ค่าใช้จ่ายในการอุดฟัน
อุดปิดช่องฟัน 2,500–3,000 บาทต่อช่อง สอบถามเพิ่มเติม
อุดฟันแล้วสามารถจัดฟันได้ไหม?
การอุดฟันแล้วสามารถจัดฟันได้ แต่ต้องมีการพิจารณาและวางแผนการรักษาอย่างรอบคอบจากทันตแพทย์ เพื่อให้การอุดฟันและการจัดฟันไม่ขัดแย้งกันและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนี้
1. การอุดฟันก่อนการจัดฟัน
-
-
การอุดฟันในระหว่างการจัดฟัน: ถ้าฟันที่ต้องการจัดมีการอุดฟันก่อนแล้ว ทันตแพทย์จะพิจารณาดูว่าวัสดุอุดฟันมีความทนทานและยังคงใช้งานได้ดีระหว่างการจัดฟันหรือไม่ หากวัสดุอุดฟันมีอายุการใช้งานนานแล้วหรือมีความเสียหาย อาจต้องทำการอุดฟันใหม่
-
การอุดฟันก่อนเริ่มการจัดฟัน: ในบางกรณี หากฟันต้องการการอุดก่อนการจัดฟัน ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำการอุดฟันให้เสร็จสิ้นก่อนการเริ่มจัดฟัน เพื่อให้การรักษาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
2. การจัดฟันและวัสดุอุดฟัน
การจัดฟันอาจทำให้วัสดุอุดฟันเสียหาย: การจัดฟันอาจส่งผลให้ฟันที่อุดเกิดการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจทำให้วัสดุอุดฟันหลุดหรือเสียหายได้ โดยเฉพาะถ้าฟันที่อุดมีการเคลื่อนไหวมากในระหว่างการจัดฟัน
การปรับเปลี่ยนวัสดุอุดฟัน: หากฟันที่ได้รับการอุดมีการเคลื่อนไหวมากในระหว่างการจัดฟัน ทันตแพทย์อาจพิจารณาเปลี่ยนวัสดุอุดฟันให้เหมาะสมกับการจัดฟันหรือเลือกวัสดุที่ทนทานกว่า
3. แผนการรักษาโดยทันตแพทย์
การตรวจเช็คก่อนการจัดฟัน: ก่อนการเริ่มจัดฟัน ทันตแพทย์จะทำการตรวจเช็คฟันทั้งหมดเพื่อประเมินสภาพของฟันที่มีการอุด และตัดสินใจว่าเป็นการดีกว่าหรือไม่ที่จะทำการอุดฟันใหม่ หรือรักษาเพิ่มเติมในกรณีที่มีปัญหา
การดูแลในระหว่างการจัดฟัน: ในระหว่างการจัดฟัน ทันตแพทย์จะต้องตรวจฟันอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าวัสดุอุดฟันยังคงทำงานได้ดีและไม่หลุดหรือเสียหาย
4. ข้อควรระวัง
การขบฟันหรือกัดฟัน: การขบฟันหรือกัดฟันอาจทำให้วัสดุอุดฟันเสียหายและทำให้กระบวนการจัดฟันมีปัญหาได้ ในกรณีนี้ควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการใช้เฝือกป้องกันการกัดฟัน
การดูแลรักษา: ควรรักษาความสะอาดช่องปากให้ดีโดยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอในระหว่างการจัดฟัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดฟันผุในบริเวณที่อุด
สอบถามหรือปรึกษาการแก้ไขปัญหาช่องว่างระหว่างฟันกับผู้เชี่ยวชาญได้ที่ คลินิกทันตกรรมเปปเปอร์มินต์ หรือ LINE @PPMdental
ปรึกษาฟรี! แอดเลย
บทความ
ประกันสังคมเบิกตรงไม่ต้องสำรองจ่าย เดินทางสะดวก ใกล้ BTS อุดมสุข